16 ม.ค. 2564 เว็บไซต์ นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง เสนอรายงานพิเศษ Coronavirus : Thailand offered luxury quarantine to tourists to revive economy, but hardly anyone turned up ว่าด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ทางการไทยต้องปิดประเทศเพื่อควบคุมโรค กระทั่งช่วงปลายปี 2563 ที่เริ่มทยอยเปิดประเทศบางส่วนเพื่อให้ชาวต่างชาติกระเป๋าหนักสามารถเข้ามากักตัวและท่องเที่ยวระยะยาว โดยหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ แต่ในความเป็นจริงแทบไม่มีชาวต่างชาติเดินทางไปเที่ยว
รายงานข่าวเริ่มด้วยการอ้างข้อมูลจาก Thailand Longstay Company บริษัทที่รับอำนวยความสะดวกในการทำวีซ่าพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวในโปรแกรมล่าสุดที่รัฐบาลไทยกำหนดขึ้น ซึ่งพบว่า นับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2563 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยเพียงเฉลี่ยเดือนละ 346 คน ต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลไทยคาดหวังไว้ที่ 1,200 คน และถือเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ เมื่อเทียบกับ 3 ล้านคนช่วงก่อนสถานการณ์โรคระบาด
การตอบสนองอย่างไม่กระตือร้นต่อการเปิดประเทศอีกครั้งของไทย แสดงให้เห็นถึงชะตากรรมที่ยากลำบากของประเทศที่ต้องพึ่งพาเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยว ซึ่งต้องทำทั้งการฟื้นฟูเศรษฐกิจและปกป้องสุขภาพประชาชนจากโรคระบาด ไปจนกว่าที่จะมีวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 วางจำหน่ายอย่างแพร่หลาย ทางการไทยคาดหวังให้มีนักท่องเที่ยวเป็นชาวต่างชาติวัยเกษียณหรือใครก็ตามที่รับเงื่อนไขต้องเข้ารับการกักกันโรคเป็นเวลา 14 วัน ในรีสอร์ทระดับพรีเมียม ก่อนจะสามารถท่องเที่ยวในประเทศไทยได้นานถึง 9 เดือน
รัฐบาลไทยในฐานะผู้กำหนดนโยบาย ต้องเผชิญกับแรงกดดันทั้งจากฝ่ายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวที่ขอให้ผ่อนคลายกฎการกักกันโรค ท่ามกลางสถานการณ์ที่ชายหาดว่างเปล่าไร้ผู้มาเยือนและธุรกิจท่องเที่ยวหลายแห่งก็เลิกกิจการ กับฝ่ายสาธารณสุขที่ไม่ต้องการให้ประชาชนตกอยู่ในอันตราย และเรื่องที่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีกคือการพบการระบาดของไวรัสโควิด-19 ครั้งใหม่ในประเทศ
ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม (Bhummikitti Ruktaengam) นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า มันเป็นเรื่องท้าทายในการสร้างสมดุลระหว่างความต้องการของภาคการท่องเที่ยวกับคนในท้องถิ่น ตนเข้าใจว่าการต้องอยู่ในห้องพักเป็นเวลา 14 วันเป็นเรื่องยากเพียงใด แต่ความปลอดภัยของของประชาชนได้รับความสำคัญเป็นอันดับแรก นักท่องเที่ยวนั้นมาแล้วก็ไป แต่ผู้คนท้องถิ่นยังคงต้องอยู่ที่นี่
ทั้งนี้ ในปี 2562 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก่อนโลกเผชิญสถานการณ์โลกระบาด มีชาวต่างชาติเดินทางไปเยือนประเทศไทยถึง 40 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.8 ล้านล้านบาท เศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวนั้นคิดเป็น 1 ใน 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ทั้งหมดของไทย เทียบกับทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 10 กระทั่งช่วง 6 เดือนที่ไร้นักท่องเที่ยวต่างชาติ และ 1 เดือนที่มีเข้ามาเพียงเล็กน้อย ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทำให้ในปี 2563 มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจภาคการท่องเที่ยวอย่างน้อย 931 แห่งปิดตัวลง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าธุรกิจการท่องเที่ยวที่ล้มหายตายจากน่าจะมีมากกว่านั้น เพราะจำนวนมากเป็นกิจการที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนจึงไม่อยู่ในฐานข้อมูลใดๆ
ที่ จ.ภูเก็ต เกาะตากอากาศที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย เป็นพื้นที่ที่เผชิญสถานการณ์เลวร้ายเป็นพิเศษ ที่นี่ในช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โรคระบาด รายได้ราวร้อยละ 90 มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ ย่านป่าตอง ภาพที่บาร์และไนท์คลับเคยพลุกพล่านไปด้วยผู้คนวันนี้เหลือเพียงความว่างเปล่า ถนนบางลามีแต่ภาพของร้างรวงในสภาพปิดทำการ เก้าอี้ถูกยกวางซ้อนบนโต๊ะและคล้องโซ่กั้นไม่ให้เข้า ฝุ่นเกาะที่บาร์และครัว ขณะที่สถานประกอบการเพียงน้อยนิดที่ยังเปิดทำการก็พบว่าแทบไม่มีลูกค้า
Rungarun Loiluen พนักงานร้านอาหาร The Kitchen บริเวณสุดถนนบางลา เล่าว่า เมื่อไร้ชาวต่างชาติพื้นที่ก็ว่างเปล่า แทบไม่มีผู้คนเดินบนท้องถนน ตนเป็น 1 ใน 8 คนที่ยังได้ทำงาน จากเดิมที่มีกันถึง 30 คนช่วงก่อนไวรัสโควิด-19 ระบาด แต่ชั่วโมงการทำงานก็ถูกลดลง ไม่ต่างจาก Jessada Srivichian ผู้จัดการฝ่ายการเงิน Hotel Clover Patong Phuket ที่เล่าว่า แม้จะลดราคาจากเดิมถึงร้อยละ 75 เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทย จากเดิมที่ลูกค้ามักมาจากสหรัฐอเมริกา รัสเซียและจีน
แต่ในเดือน ธ.ค. 2563 พบผู้เข้าพักเพียงร้อยละ 10 ทั้งที่ปกติในเดือนดังกล่าวมักเกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวขอจองห้องพักล้นเกินจำนวนที่โรงแรมมีเสมอ ตนอยู่ภูเก็ตมา 20 ปี ไม่เคยเห็นช่วงไหนเงียบเท่านี้มาก่อน ผู้ประกอบการต้องการนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งไม่ได้คาดหวังผลกำไรมากมาย แต่เพื่อลดความสูญเสียของธุรกิจให้น้อยที่สุด เพราะตราบใดที่ยังมีข้อกำหนดต้องกักกันโรค ผู้คนก็จะไม่เดินทางมาท่องเที่ยว
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า แม้รัฐบาลไทยต้องการช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยว เช่น อุดหนุนค่าอาหาร ห้องพักและตั๋วเครื่องบิน แต่ชาวไทยที่มักเดินทางท่องเที่ยวช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ไม่อาจเติมเต็มทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปได้ ยุทธศักดิ์ สุภสร (Yuthasak Supasorn) ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยเมื่อเดือน ธ.ค. 2563 ว่า แม้โรงแรมจะเปิดเพียงครึ่งหนึ่งของทั้งหมดทั่วประเทศ แต่อัตราการเข้าพักกลับมีเพียงร้อยละ 34 เท่านั้น
วิชิต ประกอบโกศล (Vichit Prakobgosol) นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) เคยเสนอแนะเมื่อปลายเดือน ก.ย. 2563 ว่า รัฐบาลควรผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มกับนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่มาแล้วไม่น้อยกว่า 60 วัน โดยคาดหวังว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากบางพื้นที่ของจีน ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ขนาดใหญ่ที่สุดของไทย แต่ไม่มีข้อสรุปดังกล่าว
รอน คูเปอร์ (Ron Cooper) ชาวอเมริกันที่เป็นทั้งช่างภาพและที่ปรึกษาธุรกิจ ให้ความเห็นว่า ในทางปฏิบัติดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเพิ่มระยะเวลาการเดินทางเป็น 2 เท่า เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดการกักกันโรคในท้องถิ่น นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการเข้าพักในโรงแรมเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เป็นเรื่องที่ไม่ก่อประสิทธิผล จะกลายเป็นข้อเสนอที่ไม่น่าสนใจนัก
อนึ่ง ในขณะที่ประเทศไทยเข้มงวดกับการเดินทางของชาวต่างชาติเพื่อป้องกันโรคระบาด มัลดีฟส์กลับเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่เดือน ก.ค. 2563 โดยไม่ต้องเข้ากระบวนการกักกันโรค แต่ต้องผ่านการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 และได้ผลรับรองว่าไม่ติดเชื้อ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปที่นั่นแล้ว 172,000 คน ซึ่งแม้จะมีรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ลดลงในเวลาต่อมา
เดิร์ก เดอ คุยเปอร์ (Dirk De Cuyper) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร S Hotels & Resorts กล่าวว่า มันเป็นความกล้าหาญของมัลดีฟส์ที่เปิดประเทศและพร้อมรับความเสี่ยงที่ตามมา ซึ่งในเดือน ธ.ค. 2563 ยอดการเข้าพักในมัลดีฟส์อยู่ที่ร้อยละ 70 และนั่นอาจเป็นข่าวร้ายสำหรับประเทศไทย เพราะนักท่องเที่ยวจะไม่จ่ายเงินเพื่อเข้ารับการกักกันโรค โดยเฉพาะเมื่อประเทศอื่นๆ เปิดประเทศและนักท่องเที่ยวไม่ต้องกักตัว
ถึงกระนั้น หากไปถามประชาชนคนไทยที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยว ส่วนใหญ่จะคำนึงความปลอดภัยด้านสุขภาพและต้องการให้มีมาตรการกักกันโรคชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามา ส่วนหนึ่งเพราะรีสอร์ทกับชุมชนท้องถิ่นอยู่ใกล่กัน ซึ่งต่างจากมัลดีฟส์ที่รีสอร์ทมักตั้งอยู่โดดเดี่ยวบนเกาะ Wiparad Noiphao แม่ค้าผลไม้ในตลาดสด Banzaan ย่านป่าตอง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ถ้าต้องเลือกตนก็ขอเลือกสุขภาพก่อนรายได้ เราต้องจัดลำดับความสำคัญของความปลอดภัย อนึ่ง รัฐบาลไทยมีเคยมีเนวคิดจะลดวันกักตัวชาวต่างชาติจาก 14 วันเหลือ 10 วัน แต่ยังไม่มีการดำเนินการเนื่องจากกังวลกับผู้ติดเชื้อรายใหม่ แต่ก็ได้อนุมัติให้ใช้สนามกอล์ฟ 6 แห่ง เป็นพื้นที่กักกันโรค
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (Thira Woratanarat) จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความกังวลว่าหากปรับเปลี่ยนแผนการไปจากเดิมจะเพิ่มความเสี่ยงให้สูงขึ้น โดยมีบทเรียนจากการปล่อยให้เดินทางระหว่างประเทศอย่างเสรีนำไปสู่การที่โรคจะกลับมาระบาดอีกครั้ง ซึ่งยกตัวอย่างในทวีปยุโรป ดังนั้นควรรอจนกว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกทุเลาเบาบางลง
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า การที่ไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดระลอกใหม่ในประเทศไทย ทำให้แนวคิดการลดมาตรการกักกันโรคอ่อนแรงลงไป โดยในเวลาไม่ถึง 1 เดือน ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 2 เท่า จนมีผู้ป่วยสะสมทั้งหมดรวมกันถึง 11,000 คน โดยมีจุดเริ่มต้นจากตลาดอาหารทะเลและชุมชนแรงงานข้ามชาติ รัฐบาลสั่งระงับการเดินทางในบางภูมิภาคที่มีความเสี่ยงสูง แต่ยังไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง และขยายระยะเวลาการใช้มาตรการอุดหนุนค่าเดินทางท่องเที่ยวออกไป
และท้ายที่สุด ทางการไทยได้ประกาศว่าจะไม่มีการเปิดประเทศอีกครั้งจนกว่าจะมีการฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวาง โดยขณะนี้ได้จัดหาวัคซีนจาก ซิโนแวค ไบโอเทค ให้กับบุคลากรสาธารณสุขที่เป็นด่านหน้าในการต่อสู้กับโรคระบาด รวมถึงกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ภายในสิ้นเดือน ก.พ. 2564 จากนั้นในเดือน พ.ค. ปีเดียวกัน วัคซีนที่ แอสตราเซเนกา และมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ร่วมกันพัฒนาขึ้น จะเริ่มแจกจ่ายไปยังประชากรอย่างน้อย 33 ล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของประชากรไทยทั้งประเทศ โดยคาดว่าการฉีดวัคซีในขั้นนี้จะยาวไปจนถึงสิ้นปี 2564
อย่างไรก็ตาม คำถามหนึ่งที่ตามมาคือจะทำอย่างไรกับการเดินทางระหว่างประเทศท่ามกลางสถานการณ์ที่หลายประเทศเริ่มทยอยฉีดวัคซีนให้ประชาชนของตน หนังสือเดินทางที่มีใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ถูกมองว่าจะเป็นวิธีที่ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมายังประเทศไทยอีกครั้ง แต่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ รวมถึงยังไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วจะยังแพร่เชื้อได้อีกหรือไม่
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่า ในปี 2564 จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพียง 5 5 ล้านคน และปี 2565 จะเพิ่มเป็น 23 ล้านคน ซึ่งยังห่างไกลกับปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงถึง 40 ล้านคน ขณะที่ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เคยระบุว่า ในปี 2563 เศรษฐกิจไทยจะหดตัวถึงร้อยละ 6 เป็นการหดตัวครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤติการเงินเอเชีย (วิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540) ส่วนในปี 2564 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวราวร้อยละ 3.5-4.5
รายงานของสื่อฮ่องกง ทิ้งท้ายด้วยการกลับไปที่ จ.ภูเก็ต โดย ภูมิกิตติ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า แผนการเปิดประเทศใหม่อีกครั้งของไทยอย่างระมัดระวังเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง และภาคการท่องเที่ยวที่เตรียมพร้อมรับมือมีทางเลือกน้อยมากนอกจากต้องรอให้มีการฉีดวัคซีน ด้วยหนึ่งไม่สามารถปิดพรมแดนได้ตลอดไป แต่อีกด้านก็ไม่อาจปล่อยให้คนเข้าประเทศอย่างไร้การควบคุม การเปิดประเทศใหม่อีกครั้งอย่างค่อยเป็นค่อยไปแบบควบคุมได้จึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี