บ๊ายบาย"ทรัมป์"ลาทำเนียบขาวเป็นครั้งสุดท้าย ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่งออกไป โดยไม่เข้าร่วมพิธีสาบานตนของนายโจ ไบเดน ตามที่ได้ประกาศไว้ ทิ้งทวนสั่งอภัยโทษพันธมิตร 73 คน รวมถึงนายสตีฟ แบนนอน อดีตที่ปรึกษา และพันธมิตรอีกหลายรายเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนพ้นจากตำแหน่ง

20 มกราคม 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ พร้อมด้วยนางเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่ง เดินทางออกจากทำเนียบขาวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนพ้นตำแหน่งผู้นำสหรัฐในวันนี้ โดยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่งมารีน-วัน ไปยังฐานทัพอากาศแอนดรูส์ ในรัฐแมรีแลนด์ เพื่อขึ้นเครื่องบินประจำตำแหน่งแอร์ฟอร์ซวัน มุ่งหน้าสู่รีสอร์ตส่วนตัวมาร์-อา-ลาโก ในรัฐฟลอริดา โดยไม่เข้าร่วมพิธีสาบานตนของนายโจ ไบเดน ตามที่ได้เคยประกาศไว้

ทั้งนี้ ทรัมป์กลายเป็นผู้นำสหรัฐคนแรกในรอบ 152 ปี และประธานาธิบดีคนที่ 4 เท่านั้นในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ ที่ไม่เข้าร่วมพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีคนใหม่

ขณะที่ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์วานนี้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์มีคำสั่งอภัยโทษบุคคล 73 คน และลดโทษให้แก่บุคคลอีก 70 คน โดยที่ไม่มีชื่อของผู้นำสหรัฐและลูก ๆ ของเขาอยู่ในรายชื่อดังกล่าว

นายแบนนอน วัย 67 ปีได้รับการอภัยโทษในข้อหาฉ้อโกงประชาชนจากการระดมทุนเพื่อก่อสร้างกำแพงกั้นระหว่างพรมแดนสหรัฐและเม็กซิโก ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญภายใต้นโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ขณะที่สื่อสหรัฐรายงานว่า ผู้นำสหรัฐเพิ่งตัดสินใจอภัยโทษให้นายแบนนอนในนาทีสุดท้ายหลังจากที่ทั้งสองได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้อภัยโทษให้แก่นายเอลเลียต บรอยดี อดีตเจ้าหน้าที่ระดมทุนของพรรครีพับลิกันวัย 65 ปีหลังรับสารภาพผิดเมื่อปีก่อนว่ามีส่วนสมรู้ร่วมคิดในการละเมิดกฎหมายการล็อบบี้ในต่างประเทศ และอภัยโทษให้ลิล เวย์น แร็ปเปอร์ชื่อดังชาวสหรัฐวัย 38 ปีที่รับสารภาพผิดเมื่อเดือนก่อนว่า มีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยถูกตัดสินว่ามีความผิดและต้องโทษจำคุก 10 ปี