รัฐประหารเมียนมา‘กองทัพ’หืดจับ! เหตุ‘เซียนคอมพ์-ชาวเน็ต’ใน-นอกประเทศหนุนม็อบ
25 มี.ค. 2564 เว็บไซต์ นสพ.The Straits Times ของสิงคโปร์ เสนอรายงานพิเศษ Myanmar citizens use protester toolkit to skirt Internet ban ระบุว่า แม้รัฐบาลทหารเมียนมาจะพยายามปิดกั้นการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเพื่อตัดช่องทางสื่อสารของกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการรัฐประหาร แต่ก็มิได้ทำให้ชาวเมียนมาที่ออกมาชุมนุมย่อท้อ พวกเขาหันไปเรียนรู้การใช้เครื่องมือใหม่ๆ บนโลกออนไลน์ เช่น แอปพลิเคชั่นรับ-ส่งข้อความผ่านสัญญาณบลูทูธ หรือสร้างช่องทางเชื่อมต่อกับเฟซบุ๊กจากดาร์คเว็บ (Dark Web) ซึ่งเป็นพื้นที่ออนไลน์ใต้ดิน เป็นต้น
ข้อมูลจาก Recorded Future บริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา พบว่า ชาวเมียนมาหันไปใช้ช่องทางออนไลน์ซึ่งเป็นที่รู้จักน้อยกว่าเพื่อเชื่อมต่อกัน นอกจากนี้ยังพบว่า ชาวเมียนมาเรียนรู้จากผู้ประท้วงชาวฮ่องกง เบลารุสและอื่นๆ ในการรับมือมาตรการปิดกั้นอินเตอร์เน็ตของรัฐบาล รวมถึงมีผู้ประท้วงจากบางประเทศให้คำแนะนำกับผู้ประท้วงชาวเมียนมาด้วย
แชริตี ไรท์ (Charity Wright) นักวิเคราะห์ข่าวกรองด้านความปลอดภัยไซเบอร์ของ Recorded Future กล่าวว่า ในประวัติศาสตร์ทั้งหมดของการรัฐประหารและความวุ่นวายทางการเมืองที่ชาวเมียนมาเคยพบ นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ผู้คนเข้าถึงแพลตฟอร์มทางเลือกและใช้มันเพื่อติดต่อกับองค์กรระหว่างประเทศ หรือกับประเทศอื่นๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ มีรายงานว่า ชาวไทย มาเลเซีย ไต้หวันและฮ่องกง ซึ่งรวมตัวกันในนาม “พันธมิตรชานม (Milk Tea Alliance)” ให้คำแนะนำในการประท้วงกับชาวเมียนมา
ไม่เพียงเท่านั้น องค์กรที่เคลื่อนไหวด้วยปฏิบัติการแฮ็ค (Hacktivist) จากทั่วโลก ยังแนะนำให้ชาวเมียนมารู้จักกับแอปพลิเคชั่นที่หลีกเลี่ยงข้อจำกัดในการปิดกั้น ทั้ง Signal, Briar, ระบบปฏิบัติการ Tails และเบราเซอร์ Brave ขณะที่กระดานสนทนาออนไลน์ยอดนิยมอย่าง Reddit ชาวเน็ตที่เจ้ามาใช้งานมีการพูดคุยเรื่องประชาธิปไตยในเมียนมาเพิ่มขึ้น รวมถึงแบ่งปันกลยุทธ์ในการประท้วง เช่น การจัดการกับแก๊สน้ำตา การปฐมพยาบาล การเผยแพร่ข่าวสารและการรักษาความปลอดภัย
ไรท์ ยังกล่าวอีกว่า ดูเหมือนผู้ประท้วงในเมียนมาจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เราต้องการใครสักคนเข้ามาที่นี่ในนามของเราเพราะเราไม่สามารถควบคุมที่นี่ได้ ซึ่งชาวเมียนมามีความคิดสร้างสรรค์มากในการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดต่างๆ เพื่อค้นหาความจริง ขณะที่ อนิสซา โวเซนคราฟท์ (Anissa Wozencraft) นักวิจัยที่ทำงานร่วมกับ ไรท์ กล่าวเสริมว่า สถานการณ์ในเมียนมากำลังยกระดับขึ้นเนื่องจากรัฐบาลพยายามปิดกั้นช่องทางการสื่อสารส่วนประชาชนก็พยายามหนีไปใช้ช่องทางใหม่ๆ นั่นหมายความว่าสิ่งที่ใช้ได้ผลตอนนี้อาจจะใช้ไม่ได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า Zaw Min Tun โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา เปิดเผยว่า รัฐบาลจะยังไม่คลายการปิดกั้นระบบอินเตอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ เพราะมีประชาชนบางส่วนใช้มันเพื่อยุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบ ทั้งนี้ นับตั้งแต่กองงทัพทำรัฐประหารในวันที่ 1 ก.พ. 2564 อินเตอร์เน็ตถูกปิดเป็นการชั่วคราว และขณะนี้ได้ตัดการเชื่อมต่อระหว่างเวลา 01.00-09.00 น. ท่ามกลางการชุมนุมประท้วงที่นำโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ เรียกร้องให้ปล่อยตัว อองซานซูจี (Aung San Suu Kyi) ผู้นำพรรค NLD และรับรองผลการเลือกตั้งเมื่อปลายปี 2563 ที่พรรค NLD ชนะอย่างถล่มทลาย
48 ชั่วโมงแรกหลังการรัฐประหาร ประชาชนชาวเมียนมาราว 1.4 ล้านคน พากันดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Bridgefy ซึ่งใช้รับ-ส่งข้อความผ่านสัญญาณบลูทูธ มันเคยถูกใช้ในการประท้วงบนเกาะฮ่องกงและประเทศตุรกี และ 2 สัปดาห์หลังการรัฐประหาร ในวันที่ 13 ก.พ. 2564 ปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตในเมียนมาลดลงเหลือร้อยละ 15 จากปริมาณการใช้ในช่วงเวลาปกติ ขณะที่เฟซบุ๊กถูกรัฐบาลทหารปิดกั้นในวันที่ 4 ก.พ. 2564 กระตุ้นให้ชาวเมียนมาใช้เครือข่าจส่วนตัวเสมือน (VPN) เพิ่มขึ้น เพื่อที่จะเข้าไปใช้งานเฟซบุ๊กได้
รวมถึงการใช้ Tor เว็บเบราเซอร์สำหรับเข้าสู่พื้นที่ออนไลน์ใต้ดิน เพื่อหาข้อมูลการหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีรายงานว่ากองทัพเริ่มตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของใครบ้างที่ติดคั้ง Tor การใช้งานก็เริ่มลดลง นักศึกษาคนหนึ่งกล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมีการรัฐประหาร เรื่องของ Tor หรือ VPN ไม่เคยถูกพูดถึงมาก่อน ตนคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนรุ่นใหม่ ชาวเมียนมาจำนวนมากได้ไปเรียนในต่างประเทศ จึงรู้จักเทคโนโลยีเหล่านี้
อีกด้านหนึ่ง แอนโทนี บลิงเคน (Antony Blinken) รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2564 ว่า รัฐบาลทหารเมียนมายังคงพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย โดยการปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงอย่างสงบโดยไร้ความปราณี ตลอดจนสังหารบุคคลที่เรียกร้องให้มีการพูดถึงอนาคตของประเทศของตน
ที่มา straitstimes
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี