เขมรเร่งตั้ง2รพ.สนาม

จีนผสมวัคซีนฉีดสู้โควิด

‘อินเดีย’ทุบสถิติอีกแล้ว

ติดเชื้อ1.5แสนคนต่อวัน

กัมพูชาเร่งสร้างรพ.สนาม 2 แห่ง ในกรุงพนมเปญ รองรับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดพุ่งนับพันช่วง 2 วัน ด้านโคลอมเบีย ล็อกดาวน์กรุงโบโกตา 3 วัน ควบคุมการระบาด ส่วนจีนเร่งพิจารณาผสมวัคซีนต่างขนาน เพิ่มประสิทธิภาพ การป้องกันโรค ขณะที่อินเดีย ทุบสถิติผู้ติดเชื้ออีกหน พบวันเดียวพุ่ง 1.5 แสนคน

เมื่อวันที่ 11 เมษายน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ว่าสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แถลงเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้อยู่ในภาวะวิกฤติ มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000 คน ภายในระยะเวลาเพียง 48 ชั่วโมง ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมภายในประเทศเพิ่มเป็นอย่างน้อย 4,081 คน และเสียชีวิตแล้ว 26 คน

ขณะที่จำนวนผู้ป่วยคงเหลือเข้ารับการรักษาในระบบมีจำนวนอย่างน้อย 2,080 คน

ทั้งนี้ สมเด็จฮุนเซน ยอมรับว่าผู้ป่วยมากเกินโควตาเตียงของโรงพยาบาลทั่วประเทศที่สำรองไว้สำหรับผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว ซึ่งทางผู้นำกัมพูชาสั่งแปรสภาพศูนย์การประชุมขนาดใหญ่ บนเกาะเพชร เกาะกลางน้ำ กลางกรุงพนมเปญ ให้เป็นโรงพยาบาลสนาม รองรับผู้ป่วยได้สูงสุด 5,000 คน

นายเคือง สะเร็ง ผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ ได้สั่งแปรสภาพโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เป็นโรงพยาบาลสนาม ซึ่งเทศบาลกรุงพนมเปญล็อกดาวน์ 3 เขต อย่างน้อย 14 วัน จนถึงวันที่ 23 เมษายนนี้

นอกจากนี้ สมเด็จฮุนเซน กล่าวว่าเขามีคำสั่งตรงไปยังกระทรวงยุติธรรม ให้ดำเนินคดีกับบุคคลใดก็ตามในประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการกักตัว และเจตนาฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงาน โดยผู้ใดไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่ออยู่นอกเคหสถาน ต้องระวางโทษปรับซึ่งอาจสูงถึง 250 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7,865 บาท) ส่วนกระบวนการในศาลของผู้ที่ละเมิดมาตรการกักตัวจะเร็วเป็นพิเศษ และบทลงโทษจะเป็นการจำคุกพร้อมทั้งทิ้งท้ายว่าข้าราชการ ทหาร และตำรวจทุกนายต้องฉีดวัคซีน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการท้องถิ่นกรุงโบโกตาของโคลอมเบีย บังคับใช้มาตรการเข้มงวดรอบใหม่ ควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยล็อกดาวน์กรุงโบโกตา 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10-13 เมษายนนี้ ซึ่งหนึ่งในมาตรการเข้มงวดคือจำกัดคนออกไปซื้อของ จัดแบ่งตามเลขบัตรประชาชน จากนั้นจะประเมินว่าสมควรขยายเวลาล็อกดาวน์ออกไปอีกหรือไม่ หลังจากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าเป็นห่วง และการใช้ห้องผู้ป่วยฉุกเฉินในโรงพยาบาลทั่วกรุงเพิ่มขึ้นเกือบเข้าขั้นวิกฤติ ทั้งนี้ โคลอมเบียมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 2.5 ล้านคนและมีผู้เสียชีวิตกว่า 65,000 คน

ส่วนที่ประเทศจีน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ดร.เกา ฝู ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค กล่าวในการประชุมที่เมืองเฉิงตู ว่าทางการจีนต้องหาทางแก้ไขอัตราประสิทธิภาพวัคซีนในปัจจุบันที่ยังไม่สูง ทางเลือกหนึ่งคือการใช้วัคซีนที่ผลิตด้วยเทคนิคที่แตกต่างกัน ผู้เชี่ยวชาญไม่ควรมองข้ามวัคซีนแบบเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) เพียงเพราะว่าจีนมีวัคซีนหลายขนานแล้ว ขอให้เร่งเดินหน้าพัฒนาต่อไป

เอเอฟพีเสริมว่า ผู้เชี่ยวชาญนอกจีนกำลังศึกษาเรื่องการผสมวัคซีนต่างขนานเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ ดร.เกาเคยย้ำว่า วิธีป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดได้ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน และเคยให้สัมภาษณ์สื่อทางการว่าจีนตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ประชาชนร้อยละ 70-80 ช่วงสิ้นปีนี้จนถึงกลางปีหน้า

ทั้งนี้ วัคซีนที่จีนอนุมัติให้ใช้ในขณะนี้มีทั้งหมด 4 ขนาน ประกอบด้วยซิโนฟาร์ม 2 ขนาน มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อที่ร้อยละ 79.34 และ 72.51 ซิโนแวก 1 ขนาน มีประสิทธิภาพร้อยละ 50 และเพิ่มเป็นร้อยละ 80 หากมีการป้องกันทางการแพทย์ควบคู่ไปด้วย และกังซิโนไบโอโลจิกส์ 1 ขนาน มีประสิทธิภาพร้อยละ 65.27 ไม่มีวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอแม้แต่ขนานเดียว ขณะที่วัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคและโมเดอร์นาใช้เทคนิคนี้และมีอัตราประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อที่ร้อยละ 95 และ 94 ตามลำดับ

อย่างไรก็ดี จีนเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนตั้งแต่ปลายปี 2563 จนถึงขณะนี้ฉีดแล้ว 161 ล้านโดสตั้งเป้าฉีดให้ได้ร้อยละ 40 ของคนทั้งประเทศ 1,400ล้านคน ภายในเดือนมิถุนายนนี้ แต่คนจำนวนมากยังไม่ไปรับวัคซีนเพราะส่วนใหญ่สามารถกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติแล้ว เนื่องจากจีนควบคุมการระบาดได้ดี

ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย วันเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียรายงานสถิติเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมง โดยยืนยันผู้ป่วยใหม่ 152,879 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุดครั้งใหม่ นับตั้งแต่อินเดียเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว

ขณะที่ในรอบวันเดียวกันมีผู้เสียชีวิตอีก 839 คน เป็นสถิติรายวันสูงที่สุดในรอบเกือบครึ่งปี และทำให้ปัจจุบันอินเดียมีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างน้อย 169,275 คน และจำนวนผู้ป่วยสะสมอีก 13.35 ล้านคน มากที่สุดในทวีปเอเชีย และอยู่ในอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา และบราซิล ส่วนสถิติสะสมของผู้ที่หายป่วยแล้วมีจำนวนมากกว่า 12.08 ล้านคน

รายงานโดยกระทรวงสาธารณสุขของอินเดียระบุด้วยว่า สถิติการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนผ่านหลัก 100 ล้านโดสแล้ว เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา และหากใช้จำนวนนี้เป็นตัวตั้ง อินเดียจะเป็นประเทศที่ทำสถิติดังกล่าวได้เร็วที่สุด โดยใช้เวลา 85 วัน ตามด้วยสหรัฐฯ89 วัน และจีน 102 วันซึ่งอินเดียตั้งเป้าให้ประชาชนอย่างน้อย 250 ล้านคนได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1โดส ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ แต่หลายฝ่ายมองว่า การดำเนินการต้องรวดเร็วมากกว่านี้อีก

สำนักข่าซินหัวรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขอาร์เจนตินา รายงานพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มอีก19,419คน ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมทั่วประเทศอยู่ที่ 2,517,300คน และพบผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 297คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 57,647คน ปัจจุบันอาร์เจนตินามีผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษาตัว 241,870 คน และผู้ป่วยที่หายดีแล้ว 2,217,783 คน

ส่วนผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวในแผนกผู้ป่วยหนักอยู่ที่ 3,761 คน ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งหลายหน่วยงานได้ออกคำสั่งห้ามออกนอกเคหะสถานตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนถึง 06.00 น.รวมถึงห้ามบาร์และร้านอาหารเปิดให้บริการระหว่างเวลา 23.00-6.00น.ทั้งนี้ อาร์เจนตินาเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 จนถึงขณะนี้ฉีดให้ประชาชนแล้วทั้งสิ้น 5,282,763 โดส

ขณะเดียวกัน ที่ประเทศอิหร่าน ได้บังคับใช้คำสั่งล็อกดาวน์นาน 10 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อรับมือการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 4โดยสั่งปิดสวนสาธารณะ ร้านอาหาร ร้านเสริมสวย ห้างสรรพสินค้า และร้านขายหนังสือทั้งหมดใน 257 เมือง ซึ่งมีพื้นที่มากกว่า 85% ของทั้งประเทศ โดยถูกกำหนดเป็นเขตเสี่ยง สีแดงหรือเหลือง พร้อมบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคเข้มงวดสูงสุด โดยประธานาธิบดีฮัสซันโรว์ฮานี ของอิหร่าน ระบุว่ามีหลายปัจจัยทำให้การระบาดกลับมารุนแรงมากขึ้น แต่ปัจจัยหลักคือ ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่พบครั้งแรกในอังกฤษ เข้ามาระบาดในอิหร่าน ผ่านมาจากอิรัก ซึ่งมีพรมแดนติดกันกว่า 1,280 กิโลเมตร

ขณะที่เว็บไซต์สำนักข่าวยอนฮับอ้างสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีหรือเคดีซีเอ ว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนของแอสตราเซนเนกาอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 12 เมษายนนี้ ยกเว้นผู้มีอายุไม่เกิน 30 ปี ซึ่งคณะกรรมการพิเศษเรื่องวัคซีนแถลงว่าวัคซีนมีส่วนสำคัญในการลดจำนวนผู้ป่วยอาการหนักและผู้เสียชีวิต จึงควรฉีดวัคซีนของแอสตราเซนเนกาอีกครั้งทันที ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา เกาหลีใต้ เพิ่งระงับการฉีดวัคซีนให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 60 ปี เพราะมีความกังวลเพิ่มขึ้นกรณีพบผู้รับวัคซีนเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันทั้งในและต่างประเทศ แต่วันต่อมาได้ตัดสินใจให้ใช้วัคซีนขนานนี้อีกครั้ง โดยอ้างแถลงการณ์สำนักงานยายุโรปว่าวัคซีนของแอสตราเซนเนกายังคงมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงเรื่องผลไม่พึงประสงค์ ดังนั้นผู้ที่รับวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว จะได้รับวัคซีนเข็มสองตามกำหนดเดิม

อย่างไรก็ดี การตัดสินใจล่าสุดยกเว้นผู้มีอายุไม่เกิน 30 ปี เพราะมีความเสี่ยงเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันมากกว่าประโยชน์ที่จะได้จากการฉีดวัคซีนทั้งนี้ เกาหลีใต้พบผู้รับวัคซีนของแอสตราเซนเนกาเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน 3 คน โดยคนแรกเป็นสตรีวัย 60 ปีเศษ เสียชีวิตหลังจากรับวัคซีนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อีก 2 คน อายุ 20 ปีเศษ แต่เคดีซีเอสรุปว่า ทั้ง 3 รายไม่ได้เป็นผลข้างเคียงของวัคซีน

เกาหลีใต้เริ่มฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ จนถึงขณะนี้ฉีดไปแล้ว 1,156,950 คน เป็นการฉีดของแอสตราเซนเนกา 916,780 คน ฉีดของไฟเซอร์ฯ 300,680 คน ในจำนวนนี้ฉีดทั้งสองขนาน 60,510 คน ผลสำรวจกับผู้รับวัคซีนเข็มแรกพบว่าวัคซีนของแอสตราเซนเนกามีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อหลังจากฉีดไปแล้ว 2 สัปดาห์ราวร้อยละ 92.2 ขณะที่ของไฟเซอร์ฯ มีประสิทธิภาพเต็มร้อย

บรรยายภาพ : อินเดียคุมเข้ม : ตำรวจนายหนึ่งของอินเดีย พยายามควบคุมฝูงชนที่มาขึ้นรถไฟในสถานีขนส่ง Lokmanya Tilak ในนครมุมไบ ประเทศอินเดีย พร้อมใช้ไม้ไล่ตีประชาชนที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโควิด โดยในวันนี้ประเทศอินเดีย มียอดผู้ติดเชื้อกว่า 1.5 แสนคน ทุบสถิติมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา