13 เมษายน 2564 สำนักข่าวซินหัวรายงาน โยชิฮิเดะ สุงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่ารัฐบาลของเขาได้ตัดสินใจจะปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีในจังหวัดฟุกุชิมะลงสู่ทะเล ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากทั้งในและนอกประเทศ
สุงะประกาศการตัดสินใจดังกล่าวหลังร่วมประชุมกับคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่างแผนการปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ถูกเก็บกักไว้ในโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ (Fukushima Daiichi) ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก
อนึ่ง เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 1-3 ที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ เผชิญการหลอมละลายของแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ หลังได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 9.0 แมกนิจูด และคลื่นยักษ์สึนามิที่ซัดถล่มพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2011
โรงไฟฟ้าดังกล่าวได้ผลิตน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีจำนวนมหาศาลนับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากโรงไฟฟ้าแห่งนี้ต้องการน้ำเพื่อใช้หล่อเย็นเตาปฏิกรณ์ โดยบริษัท โตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ คอมพานี โฮลดิงส์ (TEPCO) ผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าดังกล่าว ระบุว่าบริษัทฯ จะใช้เวลาราว 2 ปี เพื่อเริ่มปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีลงสู่ทะเล
รายงานระบุว่าน้ำเหล่านี้ผ่านการบำบัดด้วยระบบแปรรูปของเหลวขั้นสูง (ALPS) เพื่อกำจัดสารปนเปื้อนส่วนใหญ่ ทว่าสารกัมมันตรังสีที่เป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เช่น ทริเทียม (tritium) นั้นถูกกรองออกได้ยาก
โรงไฟฟ้าแห่งนี้ประสบความยากลำบากในการกักเก็บน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีในถังขนาดใหญ่ของโรงไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันกักเก็บน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีไว้มากกว่า 1.25 ล้านตัน โดยคาดว่าพื้นที่กักเก็บจะเต็มในปีหน้า
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเคยพิจารณาวิธีการระเหยหรือการเก็บน้ำที่ปนเปื้อนทริเทียมไว้ใต้ดินเป็นทางเลือก อย่างไรก็ดี เมื่อวัดจากต้นทุนและความเป็นไปได้ทางเทคนิค รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจเจือจางน้ำที่ปนเปื้อนและปล่อยลงสู่ทะเล
แผนการข้างต้นเผชิญการต่อต้านอย่างรุนแรงจากอุตสาหกรรมประมงและสาธารณชนของญี่ปุ่น โดยตัวแทนอุตสาหกรรมประมงกล่าวว่าแผนนี้จะทำลายการทำงานกอบกู้ชื่อเสียงของพวกเขาที่ทุ่มเทมานานหลายปี
ฮิโรชิ คิชิ ผู้อำนวยการสหพันธ์สหกรณ์ประมงแห่งชาติญี่ปุ่น (JF Zengyoren) กล่าวในการประชุมกับคณะเจ้าหน้าที่รัฐบาลเมื่อเดือนตุลาคม 2020 ว่า “เราต่อต้านการปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีสู่มหาสมุทรอย่างถึงที่สุด เพราะมันอาจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่ออนาคตของอุตสาหกรรมประมงญี่ปุ่น”
คิชิระบุว่าการปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีลงทะเลอาจกระตุ้นให้ประเทศอื่นเพิ่มข้อจำกัดการนำเข้าผลิตภัณฑ์ประมงของญี่ปุ่นจนส่งผลกระทบต่อการส่งออก
นอกจากนี้แผนดังกล่าวยังก่อให้เกิดความกังวลจากประเทศข้างเคียงเกี่ยวกับผลกระทบแง่ลบที่เป็นไปได้ต่อสุขภาพของประชาชนและธุรกิจประมง
เมื่อวันจันทร์ (12 เม.ย.) จีนแสดงความกังวลผ่านช่องทางทางการทูต โดยจ้าวลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวว่าจีนกระตุ้นเตือนฝ่ายญี่ปุ่นแสดงทัศนคติอย่างมีความรับผิดชอบและจัดการปัญหาการทิ้งกากนิวเคลียร์อย่างระมัดระวัง
จ้าวเน้นย้ำว่าการทิ้งกากนิวเคลียร์อย่างเหมาะสมนั้นเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์สาธารณะระหว่างประเทศและผลประโยชน์ที่สำคัญของประเทศข้างเคียง โดยญี่ปุ่นควรดำเนินการอย่างระมัดระวังและเหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการก่อความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล ความปลอดภัยทางอาหาร และสุขภาพของมนุษย์
ด้านเกาหลีใต้แสดง “ความกังวลเป็นอย่างสูง” โดยชอยยังซัม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ กล่าวว่า “มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ หากฝ่ายญี่ปุ่นตัดสินใจปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ โดยไม่มีการปรึกษาหารืออย่างเพียงพอ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี