23 เม.ย.64 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะนักวิจัยจากโรงเรียนแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในเมืองเซนต์ลูอิสของสหรัฐฯ พบผู้รอดชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) รวมถึงผู้ป่วยที่ไม่ได้มีอาการหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล มีความเสี่ยงเสียชีวิตสูงขึ้นในระยะ 6 เดือน หลังมีผลตรวจโรคเป็นบวก
คณะนักวิจัยวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลสาธารณสุขระดับชาติของกระทรวงการทหารผ่านศึก ซึ่งครอบคลุมผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในสำนักบริหารสุขภาพทหารผ่านศึก (VHA) ที่ไม่ได้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 73,435 ราย โดยนำมาเปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ได้เป็นโรคโควิด-19 และไม่ได้รักษาตัวในโรงพยาบาลในช่วงเวลาเดียวกันเกือบ 5 ล้านราย การศึกษาเก็บข้อมูลของทหารผ่านศึกเพศชายเป็นหลักด้วยสัดส่วนเกือบร้อยละ 88 และมีผู้ป่วยเพศหญิง 8,880 ราย
การศึกษาพบว่าหลังผู้ป่วยรอดชีวิตจากโรคโควิด-19 ซึ่งส่วนมากหลังจากป่วยแล้ว 30 วัน พวกเขามีความเสี่ยงเสียชีวิตสูงกว่าประชาชนทั่วไปเกือบร้อยละ 60 ในช่วง 6 เดือนให้หลัง โดยสัดส่วนการเสียชีวิตส่วนเกินในหมู่ผู้รอดชีวิตจากโรคโควิด-19 หลังหายป่วยนาน 6 เดือน อยู่ที่ 8 รายต่อ 1,000 ราย ส่วนกลุ่มผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลและรอดชีวิตหลังติดเชื้ออย่างน้อย 30 วัน มีสัดส่วนการเสียชีวิตส่วนเกินในระยะ 6 เดือนหลัง อยู่ที่ 29 รายต่อ 1,000 ราย
บทวิเคราะห์ระบุว่าหมู่ผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาล กลุ่มผู้ป่วยโรคโควิด-19 เสี่ยงเสียชีวิตมากกว่าผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ โดยผู้รอดชีวิตจากโรคโควิด-19 เสี่ยงเสียชีวิตมากกว่าผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ราวร้อยละ 50 ด้วยสัดส่วนการเสียชีวิตส่วนเกินในระยะ 6 เดือนราว 29 รายต่อ 1,000 ราย นอกจากนี้ผู้รอดชีวิตจากโรคโควิด-19 ยังเสี่ยงประสบปัญหาทางการแพทย์ในระยะยาวมากกว่าผู้ป่วยกลุ่มอื่น
คณะนักวิจัยพบว่าความเสี่ยงทางสุขภาพหลังรอดชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นตามระดับความร้ายแรงของอาการป่วย โดยกลุ่มผู้ป่วยหนักเสี่ยงต่อภาวะโควิดระยะยาว (long COVID) และการเสียชีวิตมากกว่ากลุ่มอื่น
เพื่อทำความเข้าใจผลกระทบระยะยาวของโรคโควิด-19 ที่รุนแรง คณะนักวิจัยศึกษาข้อมูลของสำนักบริหารฯ เพื่อจัดทำการวิเคราะห์แยกของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลรวม 13,654 ราย และนำมาเปรียบเทียบกับผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล 13,997 ราย โดยผู้ป่วยทุกคนรอดชีวิตอย่างน้อย 30 วันหลังเข้ารับการรักษา และบทวิเคราะห์ครอบคลุมข้อมูลการติดตามอาการ 6 เดือนใหัหลัง
คณะนักวิจัยยืนยันว่าแม้โดยเริ่มแรกแล้ว โรคโควิด-19 จะเป็นเชื้อไวรัสที่โจมตีระบบทางเดินหายใจ แต่ภาวะลองโควิดสามารถส่งผลกระทบต่อระบบอวัยวะเกือบทุกส่วนของร่างกาย
สำหรับบทวิเคราะห์ในอนาคตที่จะยังใช้ข้อมูลชุดเดิมนั้น คณะนักวิจัยจะวิเคราะห์สัดส่วนการเสียชีวิตของผู้ป่วยสัมพันธ์กับช่วงวัย เชื้อชาติ และเพศหรือไม่ เพื่อทำความเข้าใจภัยเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของผู้มีภาวะลองโควิดยิ่งขึ้น โดยผลการศึกษาข้างต้นได้รับการเผยแพร่บนวารสารเนเจอร์ (Nature) ทางออนไลน์ เมื่อวันพฤหัสบดี (22 เม.ย.) ที่ผ่านมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี