ย่างกุ้ง/วอชิงตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์) - สื่อของทางการเมียนมาประกาศห้ามการใช้เครื่องรับโทรทัศน์ดาวเทียม อ้างการแพร่ภาพออกอากาศจากนอกประเทศเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง พร้อมขู่จะลงโทษจำคุกผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรการนี้ ขณะที่ทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติ เรียกร้องรัฐบาลสหรัฐพุ่งเป้าใช้มาตรการลงโทษไปยังบริษัทน้ำมันและแก๊สและธนาคารของรัฐบาลเมียนมา
สถานีโทรทัศน์ MRTV ของรัฐบาลเมียนมา กล่าวว่า โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายอีกต่อไปแล้ว ผู้ใดที่ละเมิดกฎหมายว่าด้วยโทรทัศน์และ
วีดิทัศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้จานดาวเทียมในการชมโทรทัศน์จะถูกลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับอีก 500,000 จ๊าด หรือประมาณ 10,000 บาทMRTV กล่าวด้วยว่า บรรดาสื่อสำนักที่ผิดกฎหมายกำลังแพร่ภาพออกอากาศข่าวที่บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ หลักนิติธรรม และความสงบเรียบร้อย รวมถึงส่งเสริมผู้ที่ก่อการกบฏ
เมียนมาเผชิญกับการประท้วงรายวันจากผู้ที่ต่อต้านรัฐประหาร ขณะที่กองทัพเมียนมาพยายามรักษาความสงบหลังจากเข้ายึดอำนาจจากออง ซาน ซู จี ผู้นำพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง เครือข่ายอินเตอร์เนตในเมียนมาถูกรัฐบาลปิดกั้นเป็นส่วนใหญ่เพื่อขัดขวางการประท้วงต่อต้านรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ความรุนแรงขยายวงกว้างและสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองของเมียนมากล่าวว่า กองกำลังความมั่นคงสังหารประชาชนไปแล้วมากกว่า 760 คน แต่รัฐบาลทหารเมียนมาโต้แย้งว่า ตำรวจและทหารเสียชีวิตไปแล้ว24 นาย ในระหว่างเกิดการประท้วง
ขณะเดียวกัน MRTV รายงานด้วยว่าได้เกิดการปะทะกันระหว่างกองทัพเมียนมากับกลุ่มชาวบ้านติดอาวุธ ที่ยังไม่แน่ชัดว่าได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังชาติพันธุ์หรือไม่ในพื้นที่จังหวัดมะเกว ทางภาคกลางของประเทศ ถือเป็นการปะทะต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. หลังจากกลุ่มติดอาวุธได้โจมตีทหารรัฐบาล ที่เข้ามาปฏิบัติการตรวจค้นบ้านเรือนและจับกุมประชาชน เบื้องต้นมีรายงานทหารกองทัพเมียนมาเสียชีวิตแล้ว 4 นาย กลุ่มติดอาวุธเสียชีวิต 3 คน ส่วนที่รัฐชิน ทางภาคตะวันตกของประเทศ ก็มีเหตุการปะทะเกิดขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้ทหารเมียนมาเสียชีวิตแล้ว 8 นาย
ด้านนายจ่อ โม ตุน ทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติ ซึ่งต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา กล่าวต่อคณะกรรมาธิการด้านกิจการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ว่า นอกจากธนาคารเมียวดีและอินวะ ซึ่งเป็นของกองทัพเมียนมาแล้ว สหรัฐฯ ควรจะใช้มาตรการลงโทษธนาคารเพื่อการค้าต่างประเทศ หรือMFTB ของรัฐบาลและเมียนมาออยล์แอนด์แก๊สเอนเตอร์ไพรซ์ หรือ MOGE บริษัทพลังงานของรัฐบาลด้วย โดย MOGE ดำเนินกิจการบริหารแหล่งก๊าซธรรมชาติกับบริษัทต่างชาติหลายแห่ง เช่น เชฟรอน ของสหรัฐ โทเทล ของฝรั่งเศส ในขณะที่ MFTB ดำเนินการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศให้กับรัฐบาลเมียนมา นายจ่อ โม ตุน ยังกล่าวเตือนด้วยว่าวิฤตการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นจากการก่อรัฐประหารของกองทัพเมียนมาเมื่อวันที่1 กุมภาพันธ์ ยังเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของทั่วทั้งภูมิภาค ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการก่อรัฐประหาร และกำหนดมาตรการลงโทษบรรดานายพลในกองทัพที่เกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจและสมาชิกบางคนในครอบครัวของบรรดานายพลเหล่านี้รวมถึงธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับพวกเขา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี