13 พ.ค. 2564 เว็บไซต์ นสพ.Daily Mail ของอังกฤษ เสนอข่าว Mixing and matching Pfizer and AstraZeneca Covid jabs could lead to more short-term side effects like headaches, fever and muscle pain, study finds อ้างผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ที่พบว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ 1 คนต้องฉีด 2 เข็ม หากใช้วัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 คนละยี่ห้อกันจะพบจำนวนผู้ได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงที่พบอยู่ในระดับไม่ร้ายแรง เช่น มีอาการไข้ ปวดศีรษะ หนาวสั่น
ผลการศึกษาดังกล่าวสำรวจผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มคนละยี่ห้อกัน คือแอสตราเซเนกาและไฟเซอร์ ซึ่งแม้ว่าอังกฤษไม่ได้แนะนำให้มีการจับคู่วัคซีนในลักษณะนี้ แต่ประเทศอื่นๆ เช่น ฝรั่งเศส แนะนำให้รับวัคซีน 2 ยี่ห้อดังกล่าวอย่างละ 1 เข็ม เนื่องจากประชาชนกังวลผลข้างเคียงลิ่มเลือดอุดตัน ขณะที่ในอังกฤษ แม้จะมีหลายคนได้รับวัคซีนผิดพลาดในเข็มที่ 2 แต่ไม่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบใดๆ ด้านความปลอดภัย โดยชาวอังกฤษ 35.5 ล้านคนฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม และในจำนวนนี้ 18.4 ล้านคนฉีดครบแล้ว 2 เข็ม
แมทธิว สเนป (Matthew Snape) ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ในฐานะหัวหน้าทีมวิจัยเรื่องนี้ กล่าวว่า คณะผู้วิจัยยังไม่รู้ว่าอัตราผลข้างเคียงที่สูงขึ้นหมายถึงการที่วัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งต้องรอการตรวจสอบแอนติบอดีเสียก่อนจึงจะได้ข้อสรุป โดยงานวิจัยนี้ใช้กลุ่มตัวอย่าง 463 คน อายุระหว่าง 50-69 ปี ฉีดวัคซันโควิด-19 ห่างกัน 4 สัปดาห์ ระหว่างเข็มที่ 1 กับ 2
ผลการศึกษาพบว่า 37 คนจาก 110 คน ที่ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาแล้วตามด้วยวัคซีนไฟเซอร์ มีอาการหนาวสั่น ส่วนอีก 114 คน ที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์แล้วตามด้วยแอสตราเซเนเกา มีอาการไข้ ขณะที่ผู้ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาทั้ง 2 เข็ม มี 11 คนจาก 112 คนที่มีอาการไข้ และผู้ที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ทั้ง 2 เข็ม มี 24 คนจาก 112 คน ที่มีอาการไข้ ทั้งนี้ รายงานผู้ได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีน ไม่ว่าเอ่อนเพลีย ไม่สบายตัว มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดข้อและกล้ามเนื้อ พบว่ามักมาจากผู้ที่ฉีด 2 เข็มโดยใช้วัคซีนคนละชนิดกัน
สเนป ให้ความเห็นว่า ความเสี่ยงของการได้รับวัคซีนผสมแบบนี้คืออาจได้รับการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันที่ไม่ดีพอเมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนแบบเดิม ความเสี่ยงในการผสมวัคซีนยังอาจนำไปสู่การขาดงานมากขึ้น เรื่องนี้ต้องพิจารณาสำหรับบุคลากรสำคัญอย่างแพทย์และพยาบาล ทั้งนี้ ผลการวิจัยเบื้องตันได้รับการตีพิมพ์ใน The Lancet วารสารการแพทย์ฉบับเก่าแก่และมีชื่อเสียงของอังกฤษ ส่วนรายงานฉบับเต็มจะเผยแพร่ในเดือน มิ.ย. 2564 ผลข้างเคียงส่วนใหญ่เป็นระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ระบุข้อกังวลด้านความปลอดภัย
ผู้เข้ารับการทดลองครั้งนี้ เป็นหญิง 212 คน ชาย 117 คน 1 ใน 4 ต้องใช้ยาพาราเซตามอลเพื่อลดอาการ ผลการทดลองยังชี้ว่า ทั้งวัคซีนไฟเซอร์และแอสตราเซเนกา ก่อผลข้างเคียงอย่างปวดศีรษะและกล้ามเหนื้อเหมือนกัน แต่ก็เป็นอาการเพียงระยะสั้นๆ อนึ่ง ยังมีการศึกษาที่จับคู่วัคซีนโมเดอร์นากับโนวาแว็กซ์ โดยวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อที่มีอาการอยู่ที่ร้อยละ 76 ส่วนโมเดอร์นาอยู่ที่ร้อยละ 92 และไฟเซอร์ร้อยละ 94 ในการทดลองทางคลินิก
ผลลัพธ์ดังกล่าวในสายตาผู้เชี่ยวชาญแล้วถือว่าดีมาก เพราะมาตรฐานองค์การอนามัยโลก ระบุวัคซีนที่ผ่านเกณฑ์ด้านประสิทธิภาพคือต้องมากกว่าร้อยละ 50 แต่การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปีมักได้ผลเพียงร้อยละ 40 เท่านั้น วัคซีนแอสตราเซเนกาและโนวาแว็กซ์ ใช้เทคโนโลยีดัดแปลงไวรัสชนิดอื่นโดยติดตั้งหนามโปรตีนของไวรัสโควิด-19 ส่งเข้าไปสอนระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ส่วนวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นา ใช้เทคโนโลยี mRNA เป็นเสมือนคำแนะนำที่กระตุ้นร่างกายให้สร้างโปรตีนขึ้นมาเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันอีกทอดหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี