4 มิ.ย. 2564 เว็บไซต์ นสพ.Nikkei Asian Review ของญี่ปุ่น เสนอรายงานพิเศษ Last resorts? Phuket and Bali chase dream of COVID-free tourism ว่าด้วยความพยายามของไทยกับอินโดนีเซีย 2 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่ต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวซึ่งซบเซาจากสถานการณ์การรบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ต้องใช้มาตรการปิดประเทศไม่ต้อนรับชาวต่างชาติเพื่อสกัดกั้นการระบาดของโรค โดยไทยเลือก “ภูเก็ต (Phuket)” ส่วนอินโดนีเซียเลือก “บาหลี (Bali)” เป็นพื้นที่นำร่องเปิดประเทศรับผู้มาเยือนจากต่างแดนอีกครั้ง
ทั้งภูเก็ตและบาหลี มีความเหมือนกันตรงที่มีภูมิประเทศเป็นเกาะ โดย Saranya Injan อายุ 51 ปี ผู้จัดการ Chean Vanich ท่าเรือเล็กๆ ทางชายฝั่งตะวันออกของภูเก็ต เล่าว่า ปัจจุบันภูเก็ตกลายเป็นเมืองร้าง เช่นเดียวกับเรือที่จอดเทียบท่านิ่งสนิท จากเดิมที่เมืองแห่งนี้มีทั้งเรือข้ามฟากและเรือนำเที่ยวเข้า-ออกไม่ขาดสาย ซึ่งชะตากรรมของเมืองตากอากาศอย่างภูเก็ต ไม่ต่างจากเมืองแบบเดียวกันที่อื่นๆ ในอาเซียน ที่รายได้หลักของท้องถิ่นมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อไม่มีชาวต่างแดนมาเยือน ธุรกิจต่างๆ ก็ค่อยๆ ล้มตายลง
แต่หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2564 เป็นต้นไป บางเมืองอาจเริ่มกลับมาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้งในแบบไม่ปกติ หรือบางคนอาจบอกว่าเป็นความเสี่ยง นั่นทำให้มีการพูดถึงแนวคิดการเลือกพื้นที่ปิดบนเกาะและทำให้เป็นพื้นที่ปลอดโรค อาทิ ในวันที่ 1 ก.ค. 2564 ภูเก็ตจะเป็นเมืองแรกของประเทศไทยที่ชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้าไปได้โดยไม่ต้องผ่านมาตรการกักกันโรค หากเป็นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว เช่นเดียวกับที่บาหลี ทางการอินโดนีเซียได้เตรียมเปิด 3 พื้นที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ให้ไปเยือนกันอีกครั้ง
ในช่วงเวลาของสถานการณ์โรคระบาด มีช่วงเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นสำหรับประเทศในอาเซียนที่ได้ผ่อนคลาย มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่และไวรัสกลายพันธุ์หลายชนิด บางคนมองว่าการิเริ่มนี้อยู่ไกลเกินไป แต่โอกาสในการทำเงินอีกครั้งนั้นก็แข็งแกร่ง เจ้าหน้าที่ท่าเรือในภูเก็ตรายหนึ่ง ให้ความเห็นว่า บางคนเลือกเสี่ยงกับโรคดีกว่าที่จะยอมอดตาย
สำหรับมาตรการนำร่องที่ภูเก็ต ผู้ไปเยือนต้องอยู่ในประเทศที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่ำหรือเสี่ยงปานกลาง เป็นผู้ได้รับการฉีดวัคซีนครบตามจำนวนมาแล้วไม่น้อยกว่า 14 วัน และมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบไม่เกิน 72 ชั่วโมงจนถึงวันขึ้นเดินทาง เมื่อเดินทางถึงภูเก็ตแล้วจะสามารถเดินทางได้เฉพาะในพื้นที่ภูเก็ตเท่านั้น แต่หากผ่านไป 5 วันแล้วตรวจโควิดอีกครั้งและผลออกมาว่าไม่ติดเชื้อ ก็จะสามารถออกจากเกาะไปยังพื้นที่อื่นๆ ของประเทศไทยได้
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT) ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ที่ 129,000 คนใน 3เดือนแรกของโครงการนำร่องนี้ หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วจะสามารถเดินทางไปยังเมืองอื่นๆ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ พัทยาและกระบี่ ในเดือน ต.ค. 2564 และขยายเป็นเดินทางได้ทั่วประเทศในปี 2565 ซึ่งธุรกิจส่วนใหญ่ให้การสนับสนุน อาทิ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ (Suphajee Suthumpun) ซีอีโอเครือดุสิตธานี กล่าวว่า พนักงานโรงแรม Dusit Thani Laguna Phuket ส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนแล้ว และยังได้ขอความร่วมมือพนักงานทุกคนรวมถึงครอบครัวลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทั้งลูกค้าและพนักงานด้วยกัน
เช่นเดียวกับ Central Phuket ในเครือเซ็นทรัล ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของไทยที่ถูกระบุว่าบรรลุเป้าหมายตามแผนการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เนื่องจากร้อยละ 85 ของพนักงานผ่านการฉีดวัคซีนแล้ว รวมถึงพนักงาน 15,970 คนจาก 7 สายการบินที่ให้บริการในประเทศไทย ก็ได้รับการฉีดวัคซีนเช่นกัน พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ (Puttipong Prasarttong-Osoth) ซีอีโอสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า การฉีดวัคซีนให้พนักงานสายการบินไม่เพียงสร้างความมั่นใจเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างภาพลักษณ์ภาคการท่องเที่ยวของไทยด้วย
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า การท่องเที่ยวและธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง คิดเป็นร้อยละ 20 ของเศรษฐกิจไทยทั้งหมดในยุคก่อนวิกฤติไวรัสโควิด-19 แต่หากเป็นในระดับเมือง การท่องเที่ยวนั้นเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจของภูเก็ตเกือบร้อยละ 50 นั่นทำให้การท่องเที่ยวเป็นความหวังของไทย ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของ หลังจากปี 2563 เศรษฐกิจไทยหดตัวถึงร้อยละ 6.1 ดังที่ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่อย่าง ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า แผนการนำร่องของภูเก็ต ได้รับความสนใจจากพันธมิตรในต่างประเทศ
แต่ในทางกลับกัน ชาวภูเก็ตอีกไม่น้อยที่ไมได้อยู่ในภาคการท่องเที่ยว รู้สึกไม่สบายใจกับแผนการดังกล่าวเพราะกลัวจะเกิดสถานการณ์โรคระบาด อาทิ บุคลากรทางการศึกษารายหนึ่ง อายุ 60 ปี ตั้งคำถามว่า ใครได้ประโยชน์จากการเปิดเกาะต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และใครที่บอกว่าภูเก็ตพร้อม ตนเป็นคนหนึ่งที่บอกว่าไม่พร้อม ทั้งนี้ รัฐบาลไทยเร่งสนับสนุนการฉีดวัคซีนประชากรบนเกาะให้ได้ร้อยละ 70 ก่อนถึงเดือน ก.ค. 2564 แต่การระบาดระลอกที่ 3 ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันว่า วัคซีนจะมีเพียงพอสำหรับเป้าหมายนั้นหรือไม่
ธุรกิจบางแห่งบนเกาะภูเก็ตซึ่งไม่ได้พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ เจ้าของร้านอาหารไทยรายหนึ่ง แสดงความกังวลว่า หากเกิดการระบาดขึ้นที่นี่ นักท่องเที่ยวชาวไทยอาจไม่กล้าเดินทางมาเยือน แต่สำหรับ ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล นั้นยืนยันว่า รายได้จากนักท่องเที่ยวไทยอย่างเดียวไม่เพียงพอให้อยู่รอด นั่นคือเหตุผลสำคัญที่จะต้องเปิดประเทศรับชาวต่างชาติให้เร็วที่สุด
ขณะที่เกาะบาหลี ซึ่งมีพื้นที่และประชากรมากกว่าภูเก็ตถึง 10 เท่า ผู้คนบนเกาะกำลังเฝ้ารอให้นักท่องเที่ยวกลับมาเยือน กาเด็ค เมอร์ฮาจายา (Kadek Merhajaya) เจ้าของร้านอาหารในย่าน Ubud ซึ่งเป็นพื้นที่เงียบสงบสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ชอบบรรยากาศของไนท์คลับบนเกาะ กล่าวว่า ตอนนี้ Ubud ตายแล้ว ซึ่งแม้ในระดับประเทศ อินโดนีเซียจึงพึ่งพาเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวน้อยกว่าไทย แต่สำหรับบาหลีนั้นถือเป็นรายได้สำคัญ ในปี 2563 เศรษฐกิจบาหลีหดตัวถึงร้อยละ 9.3 รุนแรงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบทั้ง 34 จังหวัดทั่วประเทศ
ตัวเลขอย่างเป็นทางการในเดือน ก.พ. 2564 มีประชากรวัยทำงาน 657,000 คน หรือร้อยละ 19 ของประชากรวัยทำงานบนเกาะทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบซึ่งรวมถึงการถูกเลิกจ้าง และความรุนแรงที่สุดคือบาหลีสูญเสียรายได้ถึง 680 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2.1 หมื่นล้านบาทในแต่ละเดือน ทำให้ทางการอินโดนีเซีย นำเสนอ 2 โครงการเพื่อหวังฟื้นฟูเศรษฐกิจของบาหลี
โครงการแรกคือส่งเจ้าหน้าที่รัฐ 8,000 คนจากกรุงจาการ์ตา ไปทำงานที่บาหลี โดย โอโด มานูฮูตู (Odo Manuhutu) รองผู้อำนวยการด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของสำนักงานรัฐมนตรี ชี้แจงช่วงปลายเดือน พ.ค. 2564 ว่า เพื่อให้ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารมีรายได้พออยู่รอด เช่นเดียวกับ ซานดิอากา อูโน (Sandiaga Uno) รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เปิดเผยเมื่อต้นเดือน มิ.ย. 2564 ว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่บางส่วนของกระทรวงฯ ไปทำงานที่บาหลีแล้ว และคาดหวังว่า ภาคส่วนอื่นๆ ทั้งสถาบันการศึกษาและธุรกิจเอกชนจะทำบ้าง เพื่อให้ยอดการเข้าพักในโรงแรมอยู่ที่ร้อยละ 30
อีกโครงการหนึ่งคือการกำหนดให้ 3 พื้นที่ของบาหลี ประกอบด้วย Ubud , Sanur และบางส่วนของ Badung เป็นพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้านหนึ่งรัฐบาลวางแผนฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับชาวเกาะที่อายุ 18 ปีขึ้นไปรวม 2.8 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของประชากรทั้งหมดบนเกาะ ให้ได้ภายในสิ้นเดือน มิ.ย. 2564 อีกด้านหนึ่งคือการกำหนดให้นักท่องเที่ยวต้องฉีดวัคซีนครบตามจำนวนแล้ว และเมื่อมาถึงต้องถูกกักตัวในโรงแรมที่พักเป็นเวลา 5 วัน รวมถึงอาจมีการใช้แอปพลิเคชั่นติดตามตัวนักท่องเที่ยว
รัฐบาลอินโดนีเซีย กล่าวว่า แผนการเปิดประเทศขึ้นอยู่กับสภานการณ์โรคระบาด ซึ่งบาหลีนั้นดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี จากเดิมที่เคยเกิดการระบาดรุนแรงในเดือน ม.ค. 2564 แต่ปัจจุบันผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันมีแนวโน้มลดลง ในขณะเดียวกัน บาหลียังเป็นพื้นที่ที่มีสัดส่วนประชากรได้รับวัคซีนมากที่สุดของประเทศ โดยร้อยละ 31 ฉีดแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม และในจำนวนนี้ร้อยละ 15 ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว
คริสเตีย เปอร์มาตา ธาร์มาวัน (Christia Permata Dharmawan) ผู้อำนวยการ Kebon Vintage Cars พิพิธภัณฑ์และสถานบันเทิงใน East Denpasar กล่าวว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่จะใช้บาหลีเป็นพื้นที่ทดลอง เพื่อให้นักท่องเที่ยวไม่กลัวที่จะมาเยือนและรู้สึกว่าคนในพื้นที่ยินดีต้อนรับ สิ่งสำคัญคือพวกเขาสามารถเชื่อมั่นในบาหลีได้ งแต่สำหรับ ดิคกี บูดิแมน (Dicky Budiman) นักวิจัยด้านความมั่นคงสุขภาพ มหาวิทยาลัยกริฟฟิธ ประเทศออสเตรเลีย มองว่า เมื่อเปิดประตูให้ผู้มาใหม่ ชุมชนก็จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป เพราะเท่ากับเป็นการแนะนำไวรัสใหม่ๆ พื้นที่นำร่องในบาหลีไม่สามารถทำได้จริง
กัสติ งูราห์ มาฮาร์ดิกา (Gusti Ngurah Mahardika) ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัส มหาวิทยาลัย Udayana บนเกาะบาหลี มองว่า การอนุญาตเพียง 3 พื้นที่เป็นสิ่งที่เป็นไปไมได้ เพราะในความเป็นจริงผู้คนเคลื่อนย้ายเข้า-ออกตลอดเวลา สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือขยายโครงการให้ครอบคลุมทั้งเกาะ เพื่อที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย พร้อมกับตั้งคำถามว่า บาหลีเป็นเพียงเกาะเล็กๆ เหตุใดจึงไม่สามารถบริหารจัดการได้
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ทั้งบาหลีและภูเก็ตต่างเคยผ่านวิกฤติใหญ่มาแล้ว ภูเก็ตนั้นเผชิญกับเหตุคลื่นสึนามิในปี 2547 ส่วนบาหลีนอกจากจะเจอคลื่นสึนามิในช่วงเวลาเดียวกันแล้ว ย้อนไป 2 ปีก่อนหน้านั้น หรือในปี 2545 ยังเจอกับเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดด้วย ส่วนวิกฤติล่าสุดอย่างโรคระบาดโควิด-19 ทั้ง 2 พื้นที่ต่างคาดหวังว่าจะเริ่มต้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ในเดือน ก.ค. 2564
กลับไปที่เกาะภูเก็ต Saranya แห่งท่าเรือ Chean Vanich กล่าวว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าเราสามารถกลับมาได้ ขณะที่ Boongyong Nuananong ชายวัย 57 ปี เจ้าของร้านอาหารทะเลในย่านหาดราไวย์ กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ภูเก็ตจะต้องเดินหน้าต่อไป แม้ว่าจะยังมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่เราก็ต้องปรับตัวอยู่กับมันให้ได้ เพราะถ้าเรากลัวมากเกินไป เราก็ไม่อาจทำมาหากินเลี้ยงชีพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี