2 ส.ค. 2564 เว็บไซต์ นสพ.The China Post ของไต้หวัน เสนอข่าว Myanmar military extends emergency, promises vote in 2 years ระบุว่า พล.อ.มินอ่องหล่าย (Min Aung Hlaing) ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา แถลงข่าวผ่านสื่อโทรทัศน์ของเมียนมา เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2564 ตามเวลาท้องถิ่น แต่งตั้งตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีและจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้ง โดยให้คำมั่นว่าการเลือกตั้งแบบหลายพรรคที่เสรีและเป็นธรรมจะเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า หรือในเดือน ส.ค. 2566
กองทัพได้ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนที่นำโดย อองซานซูจี (Aung San Suu Kyi) เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 โดยอ้างว่าทำตามที่รัฐธรรมนูญฉบับ 2551 บัญญัติไว้ รวมถึงกล่าวหาว่าชัยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายของ อองซานซูจี ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2563 มาจากการทุจริต แต่ยังไม่พบหลักฐานใดที่น่าเชื่อถือ รัฐบาลทหารได้ประกาศให้การเลือกตั้งดังกล่าวเป็นโมฆะเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2564 และแต่งตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่
แต่การทำรัฐประหารดังกล่าวได้นำมาสู่การประท้วงต่อต้านจากประชาชนอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลทหารก็ทำการปราบปรามอย่างรุนแรงเช่นกัน โดยหลายครั้งพบการใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุม ซึ่งหากนับจนถึงวันที่ 1 ส.ค. 2564 มีผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงทางการเมืองไปแล้ว 939 ราย ในทางกลับกัน ทหารและตำรวจก็ถูกโจมตีกลับเช่นกันเนื่องจากฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารมีการตั้งกลุ่มติดอาวุธปฏิบัติการทั้งในเมืองและชนบท
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ความเคลื่อนไหวของประชาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในการเป็นตัวกลางเจรจาระหว่างรัฐบาลทหารเมียนมากับฝ่ายต่อต้านได้หยุดชะงักลงนับตั้งแต่การประชุมสุดยอดในเดือน เม.ย. 2564 ที่กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย เพื่อแต่งตั้งทูตพิเศษประจำเมียนมา ซึ่ง พล.อ.มินอ่องหล่าย กล่าวว่า ในบรรดาผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 3 คนนั้น วีระศักดิ์ ฟูตระกูล (Virasakdi Futrakul) อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้รับเลือก
อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลหลายประการ ข้อเสนอใหม่จึงถูกปล่อยออกมา และไม่สามารถดำเนินการต่อไปว่า ทั้งนี้ ตนอยากบอกว่าเมียนมาพร้อมทำงานเกี่ยวกับความร่วมมือของอาเซียนภาพใต้กรอบอาเซียน รวมถึงเจรจากับทูตพิเศษอาเซียนในเมียนมา โดยคาดว่ารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนจะหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา ผ่านการประชุมเสมือนจริงในสัปดาห์นี้ โดยมีบรูไนในฐานะประธานอาเซียนเป็นเจ้าภาพ
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า เมียนมากำลังเผชิญสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบกับระบบสาธารณสุขที่เดิมก็ไม่ดีอยู่แล้ว ข้อจำกัดในการขายออกซิเจนนำไปสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลทหารมุ่งสนับสนุนเสบียงไปยังโรงพยาบาลของกองทัพและฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล ขณะเดียวกัน บุคลากรทางการแพทย์ยังตกเป็นเป้าหมายจัดการของฝ่ายรัฐบาล เนื่องจากเป็นหัวหอกสำคัญที่ชักชวนเจ้าหน้าที่รัฐและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ทำอารยขัดขืนไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล
พล.อ.มินอ่องหล่าย ตำหนิประชาชนที่ไม่ไว้ใจกองทัพในความพยายามควบคุมโรคระบาด มีการเผยแพร่ข่าวปลอมและข้อมูลเท็จผ่านสื่อออนไลน์ และกล่าวหาผู้อยู่เบื้องหลังการใช้สถานการณ์โควิด-19 เป็นเครื่องมือการก่อการร้ายทางชีวภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี