เนเธอร์แลนด์ก่อจลาจล
ต้านมาตรการคุมโควิด
ตำรวจยิงสกัดเจ็บระนาว
‘เยอรมนี’จ่อล็อกดาวน์
กลุ่มผู้ก่อการจลาจลในเมืองท่ารอตเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์ ต้านมาตรการคุมเข้มโควิด-19 จุดไฟเผารถยนต์และขว้างก้อนหินเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตอบโต้ด้วยการใช้น้ำฉีดสกัดและยิงสกัดทั้งคืน
ในขณะที่เยอรมนียอมรับ วิกฤติโควิดอาจบีบให้รัฐบาลจำเป็นต้องหันมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้ง ตามหลังออสเตรียที่ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศล่วงหน้าไปแล้ว
ตำรวจเนเธอร์แลนด์ในกรุงรอตเตอร์ดัม ยิงปืนเตือนกลุ่มผู้ประท้วงมาตรการป้องกันโควิด-19 ของรัฐบาล จำนวนหลายร้อยคนที่พากันก่อจลาจลตามถนนสายต่างๆ ด้วยการจุดไฟเผารถยนต์ ยิงพลุและประทัด จนทางการต้องปิดสถานีรถไฟใหญ่ที่สุดทันที เพื่อความปลอดภัย มีรายงานข่าวว่า ผู้ประท้วงหลายรายได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนของตำรวจ
สาเหตุที่ผู้ประท้วงไม่พอใจ เนื่องจากรัฐบาลเตรียมออกกฎหมายให้กิจการธุรกิจออกใบอนุญาตให้เข้าสถานที่ต่างๆ เฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดส หรือเพิ่งหายจากโควิด-19 เท่านั้น แม้มีผลตรวจโควิดเป็นลบ ก็ไม่ได้รับใบอนุญาต ทั้งนี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดที่กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีก ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา
โฆษกหญิงของตำรวจเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า ตำรวจยิงเตือนและมีการยิงโดยตรงไปที่กลุ่มผู้ประท้วงด้วยเนื่องจากสถานการณ์อยู่ในภาวะที่เป็นภัยคุกตามถึงชีวิต เธอกล่าวว่า เท่าที่ทราบมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากการยิงเตือน แต่จำเป็นต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บดังกล่าว บางคนที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ส่งต่อภาพถ่ายของบุคคลที่ถูกระบุว่า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิง แต่ตำรวจกล่าวหลังจากเห็นภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกไว้แล้วว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า ชายคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร ประชาชนหลายร้อยคน รวมตัวกันเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับที่รัฐบาลมีแผนการที่จะจำกัดการใช้สถานที่ในร่มเฉพาะผู้ที่มีบัตรผ่านที่เรียกว่า “โคโรนา พาส” ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงว่า ได้รับวัคซีนครบแล้วหรือหายจากอาการป่วยจากโควิด-19 แล้ว บัตรผ่านนี้ยังออกให้กับผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนแต่มีผลการตรวจหาเชื้อไวรัสเป็นลบ ตำรวจเนเธอร์แลนด์ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเมืองร็อตเตอร์ดัม ปิดดระบบขนส่งสาธารณะและสั่งให้ประชาชนกลับบ้าน ตำรวจใช้หัวฉีดน้ำและส่งตำรวจม้าเพื่อสลายกลุ่มผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ยังขอให้ผู้ที่เฝ้าดูเหตุการณ์และผู้ที่บันทึกภาพเหตุจลาจล ส่งภาพกับตำรวจเพื่อใข้ในการสอบสวน เนเธอร์แลนด์กลับมาบังคับใช้มาตการล็อกดาวน์บางเงื่อนไขเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว เบื้องต้นเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 แต่ยอดผู้ติดเชื้อยังคงสูง
ด้านนายเยนส์ ชปาห์น รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมนี กล่าวยอมรับ ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเยอรมนี ช่วงเวลานี้ มีความรุนแรงมาก ทำให้รัฐบาลอาจจำเป็นจะต้องนำมาตรการต่าง ๆ มาบังคับใช้ ไม่เว้นแม้แต่มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะส่งผลกระทบวงกว้างทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม
“เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถตัดทางเลือกใด ๆ ออกไป แม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้เป็นข่าวใหญ่ในสื่อก็ตาม”
จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายวันในเยอรมนีพุ่งขึ้นมากกว่า 50,000 รายตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศทะลุเกิน 5.2 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตสะสมเกือบ ๆ 100,000 รายแล้ว
ความเคลื่อนไหวของเยอรมนีครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลออสเตรีย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในออสเตรียทะลุ 1 ล้านราย ทั้งนี้ มาตรการล็อกดาวน์ของออสเตรีย จะมีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 22 พ.ย. โดยเบื้องต้นรัฐบาลจะบังคับใช้เป็นเวลา 10 วัน แต่จะไม่เกิน 20 วัน
การประกาศล็อกดาวน์ครั้งล่าสุดของออสเตรียถือเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา ออสเตรียเป็นประเทศแรกในยุโรปตะวันตกที่ประกาศล็อกดาวน์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้ (2564)
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการล็อกดาวน์ต่อชาวออสเตรียราว 2 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยประชาชนกลุ่มนี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน(ยกเว้นกรณีจำเป็น) และผู้ที่ละเมิดมาตรการดังกล่าวจะถูกปรับเป็นเงิน 500 ยูโร (567 ดอลลาร์) หรือเกือบ 20,000 บาท นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ออกคำสั่งบังคับให้ชาวออสเตรียจะต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2565
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี