อนามัยโลกตั้งทีมรับมือโอไมครอนในแอฟริกาใต้ ผู้ว่าฯกัวเต็งขอปชช.ฉีดวัคซีนก่อนกลับบ้านปีใหม่
3 ธ.ค. 2564 เว็บไซต์ นสพ. The Financial Express ของอินเดีย เสนอข่าว WHO deploys team in South Africa to tackle Omicron variant ระบุว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ตั้งทีมสืบสวนโรคขึ้นในจังหวัดกัวเต็ง ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดโอไมครอน ท่ามกลางสถานการณ์ที่แอฟริกาใต้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในเวลาเพียงวันเดียว โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11,500 คน เพิ่มจากวันก่อนหน้านั้นที่พบผู้ติดเชื้อ 8,500 คน ต่างจากช่วงกลางเดือน พ.ย. 2564 ที่พบผู้ติดเชื้อเพียงหลักร้อยคนต่อวัน
ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดโอไมครอน ถูกรายงานว่าพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และต่อมาได้ตรวจพบอีกรวม 24 ประเทศทั่วโลก ซาลาม กือเย (Salam Gueye) ผู้อำนวยการฝ่ายฉุกเฉินระดัยภูมิภาคประจำแอฟริกา องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก ได้ตั้งทีมฉุกเฉินขึ้นใน จ.กัวเต็ง เพื่อสนับสนุนการเฝ้าระวังและสืบสวนโรค ตลอดจนการจัดลำดับจีโนม
สำหรับ จ.กัวเต็ง มีความสำคัญในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจของแอฟริกาใต้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 80 อยู่ที่นี่ สถาบันโรคติดต่อแห่งชาติ (NICD) รายงานว่า ร้อยละ 75 ของกลุ่มตัวอย่างผู้ติดเชื้อ ตรวจพบว่าเป็นเชื้อกลายพันธุ์ชนิดใหม่ โดย แอน ฟอน กอตต์เบิร์ก (Anne von Gottberg) นักจุลชีววิทยาตลินิกประจำ NICD เปิดเผยว่า จากกลุ่มตัวอย่าง 249 คน มี 183 คนที่พบว่าติดไวรัสสายโอไมครอน
ขณะที่รายงานในระดับทวีป ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งแอฟริกา (ACDCP) พบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของทวีปแอฟริกาในสัปดาห์ล่าสุดอยู่ที่ 52,300 คน เพิ่มจากสัปดาห์ก่อนหน้าถึงร้อยละ 105 ด้าน มัทชิดีโซ โมเอติ (Matshidiso Moeti) ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกสาขาแอฟริกา เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ปรับมาตรการตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-19 เพื่อหยุดยั้งจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เดวิด มาคูรา (David Makhura) ผู้ว่าการจังหวัดกัวเต็ง กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดเข้าสู่การระบาดระลอกที่ 4 โดยกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรับฟังข้อเสนอจากคณะทำงานด้านสาธารณสุขเกี่ยวกับผลกระทบอย่างเต็มที่ จากตัวเลขที่เพิ่มขึ้นทุกวันทำให้กังวลมาก ดังนั้นตนขอให้ทุกคนไปฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด ซึ่งตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. 2564 เป็นต้นมา ในจังหวัดฉีดวัคซีนเฉลี่ย 5 หมื่นโดสต่อวัน จากก่อนหน้านั้นที่ฉีดได้เพียง 3 หมื่นโดสต่อวัน
ซึ่งหากยังคงอัตราการฉีดไว้ที่ 5 หมื่นคนต่อวันได้อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้อย่างน้อยครึ่งล้านคนได้รับวัคซีนก่อนที่พวกเขาจะออกจากกัวเต็ง เนื่องจากกำลังจะเข้าสู่เทศกาลส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ ที่บริษัทห้างร้านต่างๆ จะเริ่มปิดทำการตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคมไปจนถึงต้นเดือนมกราคม ทำให้ประชาชนจำนวนมากใช้เวลานี้เดินทางกลับภูมิลำเนาไปหาครอบครัว และตนไม่อยากให้เกิดการนำพาเชื้อจากกัวเต็งไปยังพื้นที่อื่น โดยเฉพาะกับคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
แมรี คาวองกา (Mary Kawonga) ประธานสภาบัญชาการตอบโต้สถานการณ์โควิด-19 กล่าวว่า อัตราผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นและความจริงที่ว่าเมื่อ 2 วันก่อนผ่านค่าเฉลี่ยหมุนเวียน 7 วัน ซึ่งเป็นเกณฑ์สำหรับการระบาดระลอก 3 หมายความว่าขณะนี้สถานการณ์เริ่มกลับมาแล้ว จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตนเสมือนว่ากำลังเจอการระบาดระลอก 4 โดยไม่ต้องรอคำจำกัดความทางเทคนิค โดยการระบาดระลอก 4 น่าจะขึ้นสู่จุดสูงสุดในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อ 45,000 คน และในจำนวนนี้ต้องนอนโรงพยาบาล 4,000 ราย แต่ย้ำว่านี่เป็นเพียงการคำนวณผ่านแบบจำลองเท่านั้น ตัวแปรสำคัญอยู่ที่การฉีดวัคซีนและมาตรการป้องกันอื่นๆ อาจทำให้ไม่ไปถึงจุดนั้นก็ได้
บรูซ เมลาโด (Bruce Melado) สมาชิกสภาบัญชาการตอบโต้สถานการณ์โควิด-19 เชื่อว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในการระบาดระลอก 4 จะเพิ่มสูงขึ้น แต่จำนวนผู้เสียชีวิตน่าจะไม่มาก โดยคาดว่าผุ้เสียชีวิตสูงสุดน่าจะอยู่ที่อย่างน้อย 4,000 ราย ซึ่งจะน้อยกว่าระลอก 3 ที่ในช่วงการระบาดถึงจุดสูงสุด มีผู้เสียชีวิตมากถึง 9,500 ราย ทั้งนี้ การระบาดในชุมชนน่าจะเพิ่มขึ้นและยาวต่อเนื่องไปจนถึงเดือน ม.ค. 2565
ที่มา financialexpress
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี