รัสเซียถล่มคลังน้ำมัน
หวังยูเครนเป็นอัมพาต
‘เซเลนสกี’เตือนหมีขาว
อย่าคิดแบ่งแยกดินแดน
กองทัพรัสเซีย ส่ง“จรวดร่อนคาลิเบอร์” ถล่มคลังน้ำมันของยูเครนในหลายเมืองหวังทำให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นอัมพาต “โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี” ประธานาธิบดียูเครน ระบุ เตรียมเจรจากับหมีขาว เตือน“ปูติน” อย่าพยายามแบ่งยูเครนออกเป็นสองส่วนแบบเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้
ประธานาธิบดีเซเลนสกี ผู้นำยูเครน เผยกับผู้สื่อข่าวชาวรัสเซียผ่านระบบวิดีโอคอลเป็นเวลา 90 นาที ซึ่งทางการรัสเซียได้เตือนสื่อรัสเซียล่วงหน้าไม่ให้เผยแพร่การรายงานดังกล่าว โดยที่ผู้นำยูเครนได้กล่าวคำปราศรัยภาษารัสเซียตลอดการสัมภาษณ์ว่า การบุกโจมตียูเครนของรัสเซียในครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายอันใหญ่หลวงให้แก่หลายเมืองในยูเครนที่มีพลเรือนพูดภาษารัสเซียอาศัยอยู่ ซึ่งนับว่ารุนแรงยิ่งกว่าสงครามเชชเนีย พร้อมทั้งระบุว่า ยูเครนพร้อมยอมรับสถานะเป็นกลาง การรับประกันความปลอดภัย รวมถึงสถานะปลอดนิวเคลียร์แล้ว แต่ขอปฏิเสธการหารือเกี่ยวกับข้อเรียกร้องอื่น ๆ ของรัสเซีย เช่น การทำให้ยูเครนปลอดทหาร
ประธานาธิบดีเซเลนสกียังกล่าวว่า เขาไม่ต้องการที่จะส่งกำลังทหารไปยึดดินแดนที่รัสเซียถือครองทั้งหมดกลับคืนมา เพราะการทำเช่นนั้นจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 แต่ต้องการที่จะบรรลุข้อตกลงโดยประนีประนอมต่อแคว้นดอนบาสที่รัสเซียหนุนหลังมาตั้งแต่ปี 2557 ประธานาธิบดีเซเลนสกียังเน้นย้ำถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองมารีอูโปล ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของยูเครนที่ถูกรัสเซียปิดล้อมและยิงถล่มมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยระบุว่า กองทัพรัสเซียได้ปิดทางเข้าออกของเมืองไว้หมดแล้ว จนทำให้เกิดวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรม เนื่องจากประชาชนไม่สามารถเข้าถึงอาหาร ยารักษาโรค และน้ำดื่ม นอกจากนี้ ผู้นำยูเครนยังปฏิเสธข้อกล่าวหาของทางการรัสเซียที่อ้างว่า ยูเครนจำกัดสิทธิของประชาชนยูเครนที่พูดภาษารัสเซีย และยูเครนก็ไม่ได้มีอาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธชีวภาพตามที่รัสเซียกล่าวอ้าง
ขณะที่ผู้แทนเจรจราของยูเครนเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครนแบบพบกันตัวต่อตัวครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่ตุรกีในวันที่ 28-30 มีนาคม ซึ่งเซเลนสกีกล่าวถึงการเจรจากับรัสเซียว่า จะให้ความสำคัญไปที่เรื่องอธิปไตย และ บูรณภาพแห่งดินแดน เพราะเป้าหมายหลักของยูเครน คือ สันติภาพ และ กลับคืนสู่การใช้ชีวิตตามปกติในยูเครนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ส่วนประธานาธิบดีเรเซฟ ทายยิพ แอร์โดอันของตุรกี หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงความจำเป็นต้องมีการหยุดยิง และยกระดับมาตรการด้านมนุษยธรรมในยูเครน
ด้านคีริโล บูดานอฟ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองด้านการทหารของยูเครน ออกมาเตือนว่ารัสเซีย กำลังพยายามแบ่งแยกยูเครนออกเป็นสองส่วน คล้ายกับเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ และว่า ประธานาธิบดีปูตินกำลังพยายามแบ่งแยกพื้นที่ด้านตะวันออกและแถบทางใต้ ออกจากพื้นที่อื่นๆ ที่เหลือของยูเครน เหมือนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังสงครามเกาหลี เพราะไม่สามารถยึดเมืองหลวงและโค่นรัฐบาลที่ชอบธรรมของยูเครนได้
ส่วนสถานการณ์การสู้รบในยูเครน ล่าสุด รัสเซียปรับยุทธศาสตร์ด้วยการหันไปยิงจรวดถล่มเป้าหมาย ที่เป็นคลังน้ำมันและเชื้อเพลิงทั่วประเทศยูเครน เพื่อให้กองทัพยูเครนกลายเป็นอัมพาต เมื่อปราศจากน้ำมันกับเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน โดยรัสเซียได้ยิงจรวด 2 ลูก ถล่มคลังน้ำมันในเมืองลุตสก์ของแคว้นวอลึน เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 27 มีนาคม ทำให้เกิดไฟไหม้รุนแรง โดยภาพและคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ทางโซเชียล มีเดีย แสดงให้เห็นไฟไหม้รุนแรงที่คลังน้ำมัน ทำให้ผู้บัญชาการทหารที่วอลึน ได้เตือนประชาชนให้อยู่แต่ในที่หลบภัย และห้ามออกมาบันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
ภาพการโจมตีคลังน้ำมันที่เมืองลุตสก์ เกิดขึ้นหลังคลังเชื้อเพลิงที่เมืองคาร์คีฟ, กรุงเคียฟ,จีโทมีร์, ริฟเน่และลวีฟ ถูกโจมตีไปก่อนหน้านี้ ที่เชื่อว่าเป็นการปรับยุทธศาสตร์การรบที่ล่วงเข้าสัปดาห์ที่ 5 เพื่อให้ยูเครนขาดแคลนน้ำมันและเชื้อเพลิง ซึ่งตลอดคืนที่ผ่านมา มีเสียงไซเรนดังกึกก้องไปทั่วประเทศ และเชื่อว่า อาวุธที่ใช้ในการโจมตี คือ “จรวดร่อนคาลิบร์” (Kalibr cruise missile) และแต่ละลูกถูกยิงห่างกัน 15 นาที นอกจากเป้าหมายด้านพลังงานแล้ว รัสเซียยังโจมตีโรงงานที่ใช้ซ่อมรถถัง ระบบต่อต้านอากาศยานและสถานีเรดาร์ด้วย สำหรับเมืองลุตสก์อยู่ห่างจากเมืองลวีฟราว 120 กิโลเมตร และอยู่ในกลุ่มเมืองทางภาคตะวันตกที่ห่างไกล เป้าหมายการโจมตี คือ คลังน้ำมันและรถบรรทุกน้ำมัน มีรายงานด้วยว่า มีกลิ่นสารเคมีลอยออกมาจากเมืองลวีฟเมื่อวันอาทิตย์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังดับไฟ ท่ามกลางควันสีดำที่ลอยออกมาจากถังน้ำมัน ส่วนเมืองลวีฟ ที่มีอายุยืนยาวถึง 1,000 ปี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก และได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ปลอดภัยทางภาคตะวันออกของประเทศ สำหรับผู้ลี้ภัยสงครามชาวยูเครน และแม้พื้นที่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสงคราม แต่ประชากร 720,000 คน ต่างได้รับคำเตือนให้อยู่แต่ในบ้าน หรือ หาที่หลบภัยตอนที่คลังน้ำมันถูกโจมตี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี