ทั่วโลกดับ15ล้าน
WHOคาดโควิดคร่าสูงกว่า3เท่า
เสียชีวิตสะสมจริงพุ่ง6ล้านศพ
องค์การอนามัยโลก คาดการณ์ไวรัสโควิด อาจคร่าชีวิตชาวโลกเกือบ 15 ล้านราย มากกว่าสถิติเป็นทางการ ที่เผยออกไปแล้วสูงเกิน 3 เท่าขณะผลวิจัยของมหาวิทยาลัยมิเนอร์วา-มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระบุเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการป่วยรุนแรงเท่าๆเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่นๆ ด้านกรุงปักกิ่งประกาศคุมเข้มสกัดโควิดต่อไปแม้หยุดยาววันแรงงานจบแล้ว
สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019หรือโควิด-19ทั่วโลกประจำวันที่ 6 พฤษภาคม2565พบผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 515,778,544ราย เพิ่มขึ้น530,606 ราย หายป่วยสะสม 470,507,608 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 635,268 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตทั่วโลก สะสมอยู่ที่ 6,271,801 ราย เพิ่มขึ้น 2,251 ราย
โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด อันดับ 1 สหรัฐอเมริกา 83,424,417 ราย เพิ่มขึ้น 66,611 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 225 ราย ยอดสะสม 1,023,908 ราย มากที่สุดเป็นอันดับ1ของโลก อันดับ 2 อินเดีย 43,094,548 ราย เพิ่มขึ้น 3,155 ราย อันดับ 3 บราซิล 30,524,183 ราย เพิ่มขึ้น 21,682 ราย อันดับ 4 ฝรั่งเศส 28,849,915 ราย เพิ่มขึ้น 44,225 ราย อันดับ 5 เยอรมนี 25,203,564 ราย เพิ่มขึ้น 87,201 ราย
ทางด้าน องค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ) เผยแพร่รายงานฉบับใหม่ คาดการณ์จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สะสมทั่วโลก ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 อาจสูงถึง 14.9 ล้านราย มากกว่าสถิติอย่างเป็นทางการเกือบ 3 เท่า ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 5.4 ล้านราย
อย่างไรก็ตาม ดับเบิลยูเอชโอเชื่อว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นานาประเทศรายงานสถิติผู้เสียชีวิตได้น้อยกว่าความเป็นจริง หรือมีการรวบรวมข้อมูลตกหล่นไป เนื่องจากเงื่อนไขหลายประการ โดยเนื่องจากก่อนการอุบัติของโรคโควิด-19 ประมาณ 6 ใน 10 ของการเสียชีวิตบนโลกในแต่ละปี ไม่ได้มีการรายงานเข้าสู่ระบบของดับเบิลยูเอชโอ
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก กำลังตรวจสอบรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในอินเดียอีกครั้ง โดยเชื่อว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงในช่วงของการแพร่ระบาดระหว่างปี 2563-2564 อาจสูงถึง 4.7 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นการเสียชีวิตระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่อินเดียเผชิญกับการแพร่ระบาดอย่างหนักจากเชื้อเดลตา
การให้ความเห็นดังกล่าวขององค์การอนามัยโลก สร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้แก่รัฐบาลอินเดีย ที่รายงานสถิติผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 อย่างเป็นทางการ ไว้ที่ประมาณ 480,000 ราย แต่ทำให้องค์การอนามัยโลกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับกลไกการรวบรวมข้อมูลของอินเดียในเรื่องนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายว่า คณะนักวิจัยระบุในผลวิจัยล่าสุดที่กำลังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการว่า พบอัตราผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและอัตราผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนอยู่ในระดับเท่ากันกับช่วง 2 ปีก่อนที่มีการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่นๆโดยนักวิจัยจากโรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ มหาวิทยาลัยมิเนอร์วาและโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ดของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดซึ่งเป็นผู้เขียนงานวิจัยชิ้นนี้ได้ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเพิ่มเติมจนกว่าขั้นตอนตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญจะเสร็จสิ้น ทั้งนี้ ผลวิจัยดังกล่าว ได้ทำการศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยโควิด 130,000 คนในรัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐ
นพ.อาจุน เวนกาเทช โรงเรียนแพทย์เยลของมหาวิทยาลัยเยลในสหรัฐ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลวิจัยดังกล่าวระบุว่า ผลวิจัยชิ้นนี้มีความโดดเด่นและชัดเจนมากเนื่องจากไม่ได้ศึกษาเรื่องตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียงอย่างเดียว เหมือนกับผลวิจัยก่อนหน้านี้แต่ยังศึกษาเกี่ยวกับสถานะการฉีดวัคซีนโควิดและปัจจัยเสี่ยงทางการแพทย์แล้วนำไปเปรียบเทียบกับกลุ่มที่มีสถานะใกล้เคียงกัน เขามองว่าหากไม่มีวัคซีนและยารักษาโรคโควิดมากขึ้นดังเช่นในปัจจุบัน เชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนอาจมีความรุนแรงกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ
ด้านรัฐบาลกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน ประกาศว่ามาตรการควบคุมโควิด-19 ที่กำหนดในช่วงวันหยุดวันแรงงานจะคงอยู่ชั่วคราว แม้จะสิ้นสุดช่วงวันหยุดในวันที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยยังไม่ได้ระบุว่ามาตรการชั่วคราวจะสิ้นสุดเมื่อใด ตามแถลงของรัฐบาลปักกิ่งเมื่อวันพุธที่ 4 พฤษภาคม
มาตรการดังกล่าว เกี่ยวข้องกับการจำกัดการให้บริการของสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น ห้องสมุด อินเทอร์เนตคาเฟ่ และยิมออกกำลังกาย โดยต้องปิดชั่วคราว ขณะที่ร้านอาหาร ยังคงให้บริการได้เฉพาะแบบสั่งกลับบ้านเท่านั้น
นอกจากนี้ สถานีรถประจำทางและสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่งถูกปิดชั่วคราว ส่วนผู้ที่มีความต้องการด้านการขนส่งพิเศษหรือเร่งด่วน ทางเมืองกำลังจัดรถแท็กซี่เพื่อให้บริการชั่วคราว โดยทางปักกิ่งระบุว่า ผู้ที่ทำงานใกล้สถานีที่ถูกปิด ควรทำงานทางไกลหรือทำงานจากที่บ้านแทนการเดินทาง
ทั้งนี้ปักกิ่งได้ดำเนินการตรวจโควิด-19 ทั้งเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยวันอังคารที่ 3 พฤษภาคม ได้ตรวจไป 19.9 ล้านคนและยังคงตรวจในวันพุธและวันนี้ พฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม ด้วย
นายฟูมิโอะ คิชิดะนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเผยว่าญี่ปุ่นจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมพื้นที่ชายแดนเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของประเทศอื่นๆ ในกลุ่ม G7 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในญี่ปุ่นเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และรัฐบาลจะหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ก่อนจะทบทวนมาตรการเกี่ยวกับโควิดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน อย่างไรก็ดี นายคิชิดะไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องนี้
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นเริ่มผ่อนคลายกฎเกณฑ์อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยปัจจุบันอนุญาตให้ประชาชนเข้าประเทศมากถึง 10,000 คนต่อวัน อย่างไรก็ดี ผู้ที่จะเดินทางเข้าญี่ปุ่นถูกจำกัดเฉพาะนักธุรกิจ ผู้ฝึกงานด้านเทคนิค และนักศึกษาเท่านั้น ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี