โสมแดงติดโควิดรายแรก
‘ปธน.คิม’สั่งล็อกดาวน์ทั่วปท.
สหรัฐฯติดเชื้อ9.5หมื่นต่อวัน
ทุบสถิติป่วยสูงสุดรอบ2เดือน
เกาหลีเหนือไม่รอด พบผู้ติดเชื้อโควิดรายแรก ผู้นำฯ “คิม” สั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ด้านสหรัฐฯ พบยอดป่วยพุ่ง 9.5 หมื่นราย ในวันเดียว ทำสถิติสูงสุดในรอบ2เดือน นักวิชาการชี้ยังไม่เป็นโรคประจำถิ่น
เมื่อวันที่12พฤษภาคม สำนักข่าวกลางเกาหลี หรือเคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานว่า เกาหลีเหนือเผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งใหญ่ในประเทศ เนื่องจากมีช่องโหว่ในด้านกักโรค ทั้งที่มาตรการนี้ช่วยให้เกาหลีเหนือปลอดจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มาเป็นเวลากว่า 2 ปี 3 เดือนนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า มีชาวเกาหลีเหนือในกรุงเปียงยางติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งทางการได้เก็บตัวอย่างของผู้ป่วยติดเชื้อส่งตรวจเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ไม่มีการเปิดเผยยอดผู้ป่วยหรือข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของโรค
รายงานดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ เป็นประธานเปิดประชุมพรรคแรงงานเกาหลีเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19โดยนายคิมได้สั่งให้ใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดทั่วประเทศเพื่อป้องกันการระบาดในครั้งนี้ และสั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งสำรองเวชภัณฑ์ฉุกเฉินโดยด่วน ก่อนหน้านี้แม้ว่าเกาหลีเหนือยืนกรานมาตลอดว่าไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ แต่เจ้าหน้าที่ของเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา ต่างตั้งข้อสังเกตว่าไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากได้รับรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจำนวนมากในหลายเมืองของเกาหลีเหนือที่มีพรมแดนติดเกาหลีใต้กับจีน ทั้งนี้ เกาหลีเหนือเคยปฏิเสธไม่รับวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 จากโครงการโคแวกซ์ขององค์การอนามัยโลกและวัคซีนซิโนแวกจากจีน
ด้านคณะผู้เชี่ยวชาญทางสาธารณสุขของสหรัฐฯ ชี้ว่าไวรัสโควิด-19 ยังไม่เป็นโรคประจำถิ่น (endemic) ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่อาจพุ่งสูงแต่ไม่เลวร้ายเท่าช่วงฤดูร้อน 2 ครั้งก่อนหน้านี้ หรือช่วงที่เชื้อชนิดกลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอน ระบาดหนัก ซึ่งคณะผู้เชี่ยวชาญมีทฤษฎีเกี่ยวกับแนวโน้มการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงฤดูร้อนนี้ ว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุดคือการอุบัติของเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ ที่ร้ายแรงจนวัคซีนและภูมิคุ้มกันภายหลังติดเชื้อมิอาจต้านทาน ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ การเข้าโรงพยาบาล และการเสียชีวิตระลอกใหญ่
ดร.เครีอัลธอฟฟ์ ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ ระบุว่าการพุ่งขึ้นของยอดผู้ป่วยในช่วงฤดูร้อน มีแนวโน้มขึ้นอยู่กับการอุบัติของเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ ซึ่งมักแพร่เชื้อได้ไวในกลุ่มผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกัน ทำให้คนกลุ่มนี้เสี่ยงเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นส่วนสถานการณ์ดีที่สุดคือระดับการระบาดต่ำอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการอุบัติของเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ใหม่ๆ โดยปัจจุบันยังมิอาจนิยามว่าโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น และอาจมีลักษณะเหมือนโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ที่สร้าง 1 หรือ 2 สัปดาห์แห่งความยากลำบาก แต่มีความเสี่ยงป่วยหนักหรือเสียชีวิตระดับต่ำ
ดร.เครีอัลธอฟฟ์ ระบุด้วยว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ต้องกำหนดระดับการระบาดที่ยอมรับได้ เพื่อการระบุให้โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นในเวลานี้
ขณะที่สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หนังสือพิมพ์เดลี เมล์ ของสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่าผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายวันของสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน โดยพบว่าผู้ติดเชื้อ2 ใน 5 ติดเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อยที่แพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์เดลี เมล์ รายงานว่าตัวเลขจากรัฐ เทศมณฑล และหน่วยงานสาธารณสุขท้องถิ่น แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น95,854 ราย ภายในวันเดียว ซึ่งถือเป็นตัวเลขรายวันสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หรือช่วงท้ายของการระบาดระลอกสายพันธุ์โอมิครอน โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 จากเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
หนังสือพิมพ์เดลี เมล์ยังอ้างอิงข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (ซีดีซี) ซึ่งพบว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.2.12.1 ครองสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 44 ของผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศ เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ซึ่งอยู่ที่ราวร้อยละ 22 เท่านั้น
ดร.เดโบราห์เบิร์กซ์ อดีตหัวหน้าด้านการรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายใต้คณะบริหารของโดนัลด์ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาเตือนว่ารัฐทางตอนใต้ควรเตรียมพร้อมรับมือการติดเชื้อที่จะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากภูมิคุ้มกันลดลงพร้อมกับคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ป่วยในรัฐทางตอนเหนือจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในฤดูหนาวนี้
ดร.เดโบราห์เบิร์กซ์ ยังชี้ให้เห็นว่า แอฟริกาใต้ ซึ่งพบสายพันธุ์โอมิครอนเป็นประเทศแรก มีผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นอีกในระยะเวลา 4-6เดือน ภายหลังการระบาดระลอกก่อนหน้า ท่ามกลางระดับภูมิคุ้มกันที่ลดลง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี