23 มิ.ย.65 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรี รานิล วิกรมสิงเห ของศรีลังกา แถลงต่อสมาชิกรัฐสภา ยอมรับเศรษฐกิจของศรีลังกาที่แบกรับภาระหนี้สินหนักอึ้ง ‘ล่มสลายแล้ว’ หลังจากเผชิญปัญหาขาดแคลนอาหาร เชื้อเพลิงและไฟฟ้า นานหลายเดือน ตอกย้ำให้เห็นสถานการณ์ยากลำบากของประเทศ ขณะพยายามขอความช่วยหลือจากสถาบันการเงินต่างชาติ
นายกรัฐมนตรี รานิล วิกรมสิงเห กล่าวกับรัฐสภาว่า ศรีลังกาเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างมาก มากกว่าการขาดแคลนอย่างเดียว และเตือนว่ามีความเป็นไปได้ที่ประเทศจะร่วงลงสู่ก้นเหว พร้อมยอมรับว่า เศรษฐกิจของศรีลังกา ล่มสลายอย่างสิ้นเชิงแล้ว
การออกมายอมรับสภาพการณ์ในประเทศของนายกรัฐมนตรีศรีลังกาในครั้งนี้ ไม่ได้มีการระบุถึงความคืบหน้าใหม่ใด ๆ แต่น่าจะมีจุดประสงค์เพื่อการเน้นย้ำให้นักการเมืองฝ่ายค้านเห็นว่า เขาแบกรับหน้าที่อันยากลำบากที่ไม่สามารถแก้ได้ในเร็ววัน เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศเต็มไปด้วยภาระหนี้ รายได้จากการท่องเที่ยวที่หายไป และผลกระทบอื่น ๆ จากการระบาดของโควิด-19 รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น
วิกรมสิงเห กล่าวด้วยว่า ศรีลังกาไม่สามารถซื้อพลังงานนำเข้าได้ เนื่องจากบริษัทพลังงานของรัฐบาลซีลอน ปิโตรเลียม คอร์ปอเรชั่น (Ceylon Petroleum Corporation) เป็นหนี้ 700 ล้านดอลลาร์ ทำให้ไม่มีประเทศ หรือองค์กรใดต้องการขายน้ำมันให้ศรีลังกา
ในสัปดาห์นี้ สมาชิกสภาจากพรรคฝ่ายค้านหลักสองพรรคไม่เข้าร่วมการประชุมสภาเพื่อประท้วงนายกรัฐมนตรี วิกรมสิงเห ที่ไม่สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ โดยนายกรัฐมนตรีผู้นี้เข้ารับตำแหน่งได้เพียงหนึ่งเดือนควบคู่กับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง โดยเข้ารับตำแหน่งหลังเกิดเหตุประท้วงรุนแรงต่อวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้นายกรัฐมนตรีคนก่อนต้องลงจากตำแหน่ง โดยวิกรมสิงเหกล่าวหารัฐบาลชุดก่อนว่า ดำเนินการล่าช้า ขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศของศรีลังกาลดน้อยลง
วิกฤตทุนสำรองระหว่างประเทศของศรีลังกาส่งผลต่อการนำเข้าสินค้าของประเทศ ทำให้ศรีลังกาขาดอาหาร น้ำมัน ไฟฟ้า และปัจจัยสำคัญอื่น ๆ เช่น ยา ทำให้ประชาชนต้องต่อแถวยาวเพื่อรอรับสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ
ที่ผ่านมา ศรีลังกาได้รับวงเงินเครดิตจากอินเดียเป็นมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจของประเทศ แต่วิกรมสิงเหระบุว่า อินเดียคงไม่สามารถช่วยเหลือศรีลังกาได้ในระยะยาว นอกจากนี้ ธนาคารโลกระบุว่า จะมอบความช่วยเหลือ 300-600 ล้านดอลลาร์ แก่ศรีลังกาเพื่อใช้ซื้อยาและสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ ด้วย
ก่อนหน้านี้ ศรีลังกาประกาศว่าจะระงับการชำระหนี้ต่างชาติจำนวน 7,000 ล้านดอลลาร์ที่มีกำหนดชำระในปีนี้ ในระหว่างที่รอผลการเจรจากับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ เกี่ยวกับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ศรีลังกาต้องชำระเงินคืนไอเอ็มเอฟ เฉลี่ยปีละ 5,000 ล้านดอลลาร์จนถึงปี 2026 ซึ่งนายกรัฐมนตรีศรีลังการะบุว่า ความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟเหมือนจะเป็นหนทางเดียวของประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟได้เดินทางเยือนศรีลังกาเพื่อหารือถึงแผนฟื้นฟูแล้ว และคาดว่าจะสรุปข้อตกลงระดับเจ้าหน้าที่ได้ภายในสิ้นเดือนหน้า
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี