‘ฝีดาษลิง’ลามอังกฤษ
ยอดป่วยทะลุ800คน
ไต้หวันพบติดเชื้อแล้ว
ฝีดาษลิงยังแพร่ต่อเนื่องสหราชอาณาจักรพบผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงสะสมทะลุ 800 คนมากที่สุดนอกทวีปแอฟริกา ส่วนโคลอมเบีย-ไต้หวัน ยืนยันผู้ป่วยรายแรก ขณะที่วิจัยชี้ไวรัสฝีดาษลิงอาจกลายพันธุ์มากกว่าคาด ขณะยอดติดเชื้อเพิ่มไม่หยุด
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2565 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักรว่า สำนักงานความปลอดภัยสุขภาพของสหราชอาณาจักร (UKHSA)รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงในประเทศ ว่านับตั้งแต่มีการยืนยันผู้ติดเชื้อคนแรก เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา สถิติผู้ป่วยสะสมอยู่ที่อย่างน้อย 810 คน จากจำนวนดังกล่าว มีเพียง 5 คนที่เป็นผู้หญิง
ปัจจุบัน สหราชอาณาจักร เป็นประเทศซึ่งมีผู้ติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิงสะสมมากที่สุด นอกเหนือจากทวีปแอฟริกา ทั้งนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีประวัติเดินทางไปยังเกาะกรันกานาเรีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะคะแนรี ที่อยู่นอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของสเปน เมื่อช่วงต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ปัจจุบันทีประมาณ 50 ประเทศบนโลก ยืนยันการพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง สะสมรวมกันมากกว่า3,300 คนแล้วในปีนี้ และเสียชีวิตแล้ว 1 ราย ตามฐานข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) โดยโคลอมเบียเป็นประเทศล่าสุดที่พบผู้ป่วย 3 คนแรก และมีประวัติการเดินทางเกี่ยวข้องกับทวีปยุโรป ส่วนไต้หวัน ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลกรายงานการพบผู้ติดเชื้อคนแรกเช่นกัน และเพิ่งเดินทางกลับมาจากเยอรมนี
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่าบรรดานักวิจัยในโปรตุเกสเปิดเผยว่า ไวรัสโรคฝีลิงอาจจะมีการกลายพันธุ์มากกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในสหราชอาณาจักรและสหรัฐ ขณะที่มีการตรวจพบเป็นครั้งแรกในไต้หวันและโคลอมเบีย
นักวิทยาศาสตร์ได้เปิดเผยผลวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ เมดิซีน (Nature Medicine) ในวันศุกร์ (24 มิ.ย.) ระบุว่า สายพันธุ์ล่าสุดของไวรัสฝีดาษลิง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกควบคุมได้ในพื้นที่บางส่วนของแอฟริกานั้น มีลักษณะทางพันธุกรรมประมาณ 50 แบบเมื่อเทียบกับไวรัสฝีดาษลิงที่แพร่ระบาดในปี 2561-2562
พวกเขาพบว่า ไวรัสฝีดาษลิงยังคงมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในรหัสพันธุกรรม, สายพันธุ์ย่อย และยีนที่หลุดหายไป (deleted gene)
ขณะที่ เจา เปาโล โกเมส จากสถาบันสุขภาพแห่งชาติในลิสบอนและหนึ่งในผู้เขียนรายงานวิจัยดังกล่าวระบุว่า “เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดที่จะพบการกลายพันธุ์จำนวนมากของไวรัสฝีดาษลิงในปี 2565”
“ในความเป็นจริงนั้น เมื่อพิจารณาถึงลักษณะจีโนมของไวรัสชนิดนี้แล้ว ไม่น่าจะมีการกลายพันธุ์มากกว่าหนึ่งหรือสองครั้งเกิดขึ้นในแต่ละปี”
ไวรัสฝีดาษลิงนั้ นมีลักษณะเสถียรกว่าและกลายพันธุ์ช้ากว่าไวรัสโคโรนาซึ่งทำให้เกิดโรคโควิด-19 โดยในอดีตนั้น โรคฝีดาษลิงไม่ได้แพร่ระบาดได้ง่ายจากคนสู่คน
ทั้งนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า การกลายพันธุ์ที่พบในไวรัสที่แพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบันนั้น อาจเปลี่ยนแปลงลักษณะเหล่านั้น หรือความรุนแรงของโรคที่เกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของไวรัสดังกล่าวให้ดียิ่งขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี