วอชิงตัน/ริยาด (เอพี/รอยเตอร์ส) -ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ สิ้นสุดภารกิจการเดินทางเยือนภูมิภาคตะวันออกกลางนาน 4 วัน แบบไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เหตุไม่ได้ข้อตกลงหรือคำมั่นที่เป็นรูปธรรม ทั้งเรื่องการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันและข้อตกลงด้านความมั่นคง

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯเดินทางกลับประเทศแล้วเมื่อวานนี้ หลังเสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางเยือนภูมิภาคตะวันออกกลางนาน 4 วัน รวมถึงการเยือนซาอุดีอาระเบีย 2 วัน อย่างไรก็ดีไบเดนที่หวังจะเริ่มบทใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง กลับไม่ได้รับการตอบรับโดยทันทีจากกลุ่มผู้นำโลกอาหรับ ไม่ว่าเรื่องการเรียกร้องให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อแก้ปัญหาราคาพลังงานโลกแพง และข้อตกลงด้านความมั่นคงจากกลุ่มคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ หรือจีซีซี 6 ประเทศ รวมทั้ง อียิปต์ จอร์แดน และอิรัก

ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า ผู้นำกลุ่มจีซีซี เห็นชอบถึงความจำเป็นในอันที่รับประกันการจัดส่งน้ำมันให้เพียงพอต่อความจำเป็นต้องใช้ของตลาดโลก เรียกร้องให้เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรับมือกับราคาน้ำมันโลกแพงทั้งก่อนและหลังปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน อย่างไรก็ดี เจ้าชายไฟซัล บิน ฟาห์ฮาน อัลซะอูด รัฐมนตรีต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย แถลงว่า องค์การกลุ่มผู้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือ โอเปก และ พันธมิตร จะประเมินเงื่อนไขของตลาดและจะดำเนินการในสิ่งที่จำเป็น โดยกลุ่มโอเปกพลัส ที่มีรัสเซียเป็นสมาชิกด้วย คาดว่าจะประชุมกันว่าจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันหรือไม่ในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 ส.ค.

ส่วนเรื่องความมั่นคง ผู้นำสหรัฐฯ ได้เสนอแผนเพื่อควบคุมระบบป้องกันภัยทางอากาศของกลุ่มประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อรับมือกับการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้จากอิหร่านและภัยคุกคามอื่นๆ พร้อมเน้นย้ำว่า

สหรัฐฯ จะยังคงเป็นหุ้นส่วนที่แข็งขันและยึดมั่นในตะวันออกกลาง สหรัฐฯ จะไม่เดินออกมาจากภูมิภาคและปล่อยให้เกิดสุญญากาศที่จะมีการเติมเต็มโดยจีน รัสเซีย หรือ อิหร่าน

โดยกรณีดังกล่าว เจ้าชายไฟซัลระบุว่า ที่ประชุมกลุ่มจีซีซี ไม่มีการหารือความร่วมมือทางการทหารใดๆ กับอิสราเอลหรือ การหารือเรื่องที่เกี่ยวกับการก่อตั้งกลุ่มคล้ายองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต แห่งโลกอาหรับ ส่วนการเปิดน่านฟ้ารับเที่ยวบินพาณิชย์จากอิสราเอลนั้น เจ้าชายไฟซัล ระบุว่าเป็นแต่เพียงอำนวยความสะดวกให้การเดินทางง่ายขึ้นไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้อื่นใดว่าจะมีการพัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่านี้ ส่วนกรณีอิหร่าน รัฐบาลซาอุดีอาระเบียยังคงหวังว่า จะสามารถสถาปนาความสัมพันธ์ระดับปกติกับอิหร่านได้