‘ญี่ปุ่น’อันดับ1โลก
7วันติดโควิด1.4ล้าน
WHOเผยโอมิครอน
ระบาดพุ่งทั่วโลก99%
WHO ชี้ “โอมิครอน” ครองโลก สัดส่วนระบาด 99% ประเทศญี่ปุ่นติดโควิดสัปดาห์ที่ผ่านมากว่า1.4ล้านคน มากที่สุดในโลก มีผู้เสียชีวิต 1,642 คน สูงอันดับ2ของโลก ตามรอยสามี‘จิล ไบเดน’สุภาพสตรีหมายเลข1 มะกัน ติดเชื้อโควิดซ้ำอีกรอบ
เมื่อวันที่ 25สิงหาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) สรุปรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำสัปดาห์ ว่า ขณะนี้ บีเอ.5ตัวแปรย่อยของไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอน คิดเป็นสัดส่วนถึง70% ของไวรัสที่มีการแชร์กันในฐานข้อมูลสาธารณะเกี่ยวกับการแพร่ระบาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่สัดส่วนทั้งหมดของสายพันธุ์โอมิครอนที่พบเมื่อเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 99% ด้านจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกลดลง 15% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่การติดเชื้อรายใหม่ลดลง 9% โดยมีการพบผู้ป่วยรายใหม่ 5.3ล้านคนและเสียชีวิตมากกว่า 1.4หมื่นราย ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงในทุกภูมิภาค ยกเว้นแปซิฟิกตะวันตก แม้ภาพรวมการเสียชีวิตจะลดลง แต่ในแอฟริกา จำนวนผู้เสียชีวิตกลับเพิ่มขึ้นมากกว่า 183% แต่ลดลงเกือบ1ใน3ในยุโรปและลดลง15% ในอเมริกา
อย่างไรก็ดี องค์การอนามัยโลกเตือนว่า มีแนวโน้มสูงที่ตัวเลขการประเมินดังกล่าวจะสูงกว่าความเป็นจริง เนื่องจากหลายประทเศยกเลิกขั้นตอนการกำหนดให้มีการตรวจสอบและเฝ้าระวังเพื่อติดตามไวรัส ซึ่งหมายความว่าจะมีผู้ป่วยที่ถูกรายงานขึ้นมาน้อยกว่าความเป็นจริง เมื่อสัปดาห์ก่อน สหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกที่ได้อนุมัติวัคซีนต้านโควิดของโมเดอร์นาที่ได้มีการปรับปรุงใหม่ให้สามารถรับมือกับตัวแปรย่อยของโอมิครอน บีเอ.1 โดยจะมีการฉีดให้กับผู้มีอายุมากกว่า 50ปีขึ้นไปในเดือนกันยายน ขณะที่ไฟเซอร์ได้ยื่นเรื่องต่อหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐ เพื่อขออนุมัติไฟเซอร์ที่มีการพัฒนาให้สามารถป้องกันตัวแปรย่อยโอมิครอน บีเอ.4และบีเอ.5แล้วเช่นกัน
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุด้วยว่า ประเทศญี่ปุ่น มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นจำนวนมากที่สุดในโลก โดยระหว่างวันที่ 15-21สิงหาคม พบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,476,000คน มากกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านั้นร้อยละ6และเป็นการเพิ่มจำนวนสูงสุดติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ห้า ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงเวลาเดียวกันก็สูงมากเป็นอันดับ 2ของโลก ในช่วงดังกล่าวญี่ปุ่นมีผู้เสียชีวิต 1,624คนและเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สูงสุดทำสถิติใหม่ที่ 343 คน แซงหน้าสถิติเดิมเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 322 คน
ขณะที่ นางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลข1ของสหรัฐอเมริกา ภริยาของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถูกตรวจพบว่าติดโควิด-19 ซ้ำ เช่นเดียวกับผู้เป็นสามี ที่มีอาการเชื้อโควิดเด้งกลับ หลังจากตรวจไม่พบเชื้อไปเพียงไม่กี่วัน เคลซีย์ โดโนฮิล ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของนางไบเดนยืนยันว่า เธอตรวจATKก่อนจะพบผลตรวจเป็นบวกอีกครั้งเมื่อวันที่ 24สิงหาคมที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร นางไบเดนยังตรวจพบผลเป็นลบ อย่างไรก็ดี นางไบเดน ไม่ได้มีอาการใดๆ และผู้ที่เคยติดต่อกับเธอซึ่งมีจำนวนไม่มากนักได้รับแจ้งถึงการติดเชื้อซ้ำของเธอแล้ว โดยเธอจะยังคงพักอยู่ที่บ้านริมหากของครอบครัวในเดลาแวร์ต่อไป จนกว่าจะตรวจพบเชื้อเป็นลบ 2 ครั้งติดต่อกัน
นางไบเดน ตรวจพบเชื้อบวกครั้งแรกในวันที่ 15สิงหาคม ขณะไปพักผ่อนที่เซาท์แคโรไลนา โดยเธอมีอาการคล้ายเป็นหวัด แต่เธอตรวจพบเชื้อเป็นลบสองครั้งในการตรวจเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ก่อนที่จะเดินทางจากเซาท์แคโรไลนา เพื่อไปพบกับประธานาธิบดีไบเดนในเดลาแวร์ และมาตรวจพบเชื้อบวกซ้ำอีกครั้งในที่สุด ตามแนวทางของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐ หลังจากนี้ประธานาธิบดีไบเดนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลา 10 วันเมื่ออยู่ในอาคาร เพราะถือเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี