สภาภาคยานุวัติ หรือสภาการครองราชย์ ประกาศการขึ้นครองราชย์สมบัติอย่างเป็นทางการของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ขณะที่ก่อนหน้านั้น ทรงมีพระราชดำรัสแรก ในฐานะประมุขแห่งสหราชอาณาจักร หลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ที่ 2 ย้ำพระราชปณิธานว่าจะทรงสานต่อควีนด้วยการรับใช้ประชาชนตลอดพระชนม์ชีพ 

วันที่ 10 กันยายน 2565  สำนักพระราชวังบักกิงแฮม เปิดเผยว่า สภาภาคยานุวัติ หรือสภาการขึ้นครองราชย์ (Accession Council) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกราชวงศ์ บุคคลสำคัญทางการเมืองและศาสนา เช่น สมเด็จพระราชินีคามิลลา เจ้าชายวิลเลียม พระโอรสพระองค์โตในกษัตริย์ชาร์ลสที่ 3 ที่เพิ่งได้รับพระราชทานพระอิสริยยศใหม่ให้เป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ สืบแทนพระราชบิดานายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสส์ และอัครสังฆราชแห่งแคนเทอร์เบอรี ได้เริ่มการประชุมในเวลา 10.00 น. วันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 16.00 น. ตามเวลาในไทย โดยไม่มีสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ร่วมด้วย เพื่อประกาศแต่งตั้งพระองค์อย่างเป็นทางการ อันเป็นพิธีตามรัฐธรรมนูญ จากนั้น สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เสด็จเข้าร่วมการประชุม และทรงประกาศการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 อย่างเป็นทางการ ก่อนประกาศตนอย่างเป็นทางการในฐานะกษัตริย์และลงพระปรมาภิไธย แล้วทรงกล่าวคำสัตย์สาบานว่า จะปกป้องรักษาคริสตจักรสกอตแลนด์ เนื่องจากในสกอตแลนด์ มีการแบ่งแยกอำนาจระหว่างศาสนจักรกับอำนาจรัฐ 

จากนั้น การประกาศการครองราชย์อย่างเป็นทางการครั้งแรกโดยสภาภาคยานุวัติ หรือสภาการครองราย์ เกิดขึ้นที่ระเบียงเหนือลานฟรายอารี คอร์ต (Friar Court balcony) ภายในพระราชวังเซนต์เจมส์ กรุงลอนดอน ในเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับ 17.00 น. ตามเวลาในไทย ตามด้วยเสียงสรรเสริญว่า “ขอพระเจ้าคุ้มครองพระราชา (God save the King) พร้อมมีพิธีเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ที่จัดขึ้นตามแบบพิธีดั้งเดิมที่มีอายุเก่าแก่นานหลายศตวรรษ วงดุริยางค์บรรเลงเพลง ตามด้วยการยิงสลุตที่ไฮด์พาร์ค และที่ทาวเวอร์ ออฟ ลอนดอน  คำประกาศเดียวกันนี้ยังถูกอ่านที่อาคารรอยัล เอ็กซ์เชนจ์  (Royal Exchange) ในกรุงลอนดอน ตามด้วยการอ่านคำประกาศในสกอตแลนด์ ไอร์แลนด์เหนือ และเวลส์ ในช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ 

หลังการประกาศในลอนดอน จะมีการเชิญธงกลับคืนสู่ยอดเสาเต็มเป็นเวลา 26 ชั่วโมง เพื่อเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์พระองค์ใหม่ จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงหลังจากการประกาศในสกอตแลนด์ ไอร์แลนด์เหนือ และเวลส์ ธงจะกลับคืนสู่ครึ่งเสาในช่วงไว้ทุกข์ของชาติ 

พิธีประกาศกษัตริย์พระองค์ใหม่ของสหราชอาณาจักร มีบุคคลเข้าร่วม 200 คน นอกจากพระบรมวงศานุวงศ์แล้ว ยังรวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรี อย่าง บอริส จอห์นสัน ,  เทเรซา เมย์ , เดวิด คาเมรอน , กอร์ดอน บราวน์ , โทนี แบลร์ และจอห์น เมเจอร์ และนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1952 ที่สภาการขึ้นครองราชย์ ประกาศกษัตริย์พระองค์ใหม่ ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรกด้วย 

ทั้งนี้ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส มกุฎราชกุมาร ทรงขึ้นเป็นพระราชาพระองค์ใหม่แห่งสหราชอาณาจักรทันที หลังการสวรรคตของพระราชมารดา สมเด็จพระราชินานถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา แต่การขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ ต้องเป็นการประกาศจากสภาการครองราชย์ ซึ่งจะจัดการประชุมโดยเร็วที่สุดหลังการสวรรคต เพื่อประกาศการครองราชย์ของพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่อย่างเป็นทางการ 

ก่อนหน้านั้นในวันศุกร์ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ ที่ 3 ทรงมีพระราชดำรัสแรกต่อประชาชน นับจากทรงขึ้นเป็นกษัตริย์ ที่มหาวิหารเซ็นต์ปอล ในพิธีถวายความอาลัยต่อสมเด็จพระราชีนีนาถอลิซาเบธที่ 2 โดยตรัสยกย่องการทรงงานเพื่อประชาชนของสมเด็จพระราชีนีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และว่า จะทรงสานต่อพระราชปณิธานของพระราชมารดาในการอุทิศพระวรกายต่อประเทศชาติตลอดชีวิต อีกทั้งยังได้ตรัสว่า พระราชมารดาทรงเป็นแรงบันดาลใจและตัวอย่างแก่พระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งมวล ในวันเดียวกันนั้น สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ซึ่งเสด็จขึ้นครองราชย์ได้เพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง ยังได้พระราชทานพระราชวโรกาส ให้ ลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่เพิ่งดำรงตำแหน่งได้เพียง 3 วันเข้าเฝ้า ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของอังกฤษที่มีการเปลี่ยนแปลงองค์พระประมุขและผู้นำทางการเมืองในเวลาเดียวกัน 

ขณะเดียวกัน สำนักพระราชวังบักกิงแฮมประกาศว่า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมาชิกราชวงศ์จะไว้ทุกข์ตั้งแต่เวลานี้ไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นวันพระราชพิธีศพไปแล้ว 7 วัน ซึ่งยังไม่มีการประกาศวันที่อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 19 กันยายน และอนุญาตให้ประชาชนวางดอกไม้ไว้อาลัยที่ด้านนอกพระราชวังได้ โดยที่แถลงการณ์ไว้ทุกข์ของสำนักพระราชวังบักกิงแฮมจะมีผลบังคับใช้ต่อสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง และตัวแทนของสำนักพระราชวังที่เดินทางไปปฏิบัติกรณียกิจอย่างเป็นทางการ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอังกฤษประกาศแนวทางอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการไว้ทุกข์ ซึ่งครอบคลุมแนวทางของชักธงชาติ ข้อมูลเรื่องการท่องเที่ยวและเรื่องอื่น ๆ โดยระบุว่า การไว้ทุกข์จะเริ่มต้นตั้งแต่บัดนี้และสิ้นสุดในวันที่เสร็จสิ้นพระราชพิธีพระบรมศพ นอกจากนั้น รัฐบาลไม่ได้บังคับให้ยกเลิกและเลื่อนกิจกรรมและกำหนดการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ รวมถึงการเปิดสถานบันเทิงในระหว่างนี้ โดยให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละองค์กรหรือหน่วยงานนั้น