"ญี่ปุ่น"เปิดประเทศ แต่ท่องเที่ยวฟื้นตัวอาจต้องรอถึงปี'68 "แรงงานขาดแคลน-กฎยังคุมเข้ม"ปัจจัยสำคัญ
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2565 สำนักข่าว Channel News Asia ของสิงคโปร์ เสนอข่าว Japan to reopen to tourists with shuttered souvenir shops, hotel staff shortage ระบุว่า แม้ญี่ปุ่นจะกลับมาเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการอนุญาตให้พลเมืองจากหลายชาติเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวโดยไม่ต้องทำวีซ่าล่วงหน้าได้อีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 2565 เป็นต้นไป หลังปิดประเทศมานานกว่า 2 ปีจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 แต่เป้าหมายที่รัฐบาลแดนอาทิตย์อุทัยต้องการใช้การท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
ยูจิ อาคาซากะ (Yuji Akasaka) ประธานของเจแปนแอร์ไลน์ สายการบินแห่งชาติญี่ปุ่น เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มียอดจองตั๋วเที่ยวบินขาเข้าเพิ่มขึ้น 3 เท่านับตั้งแต่มีการประกาศผ่อนคลายมาตรการข้ามแดน ถึงกระนั้น ความต้องการการเดินทางระหว่างประเทศคงยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จนกว่าจะถึงปี 2568 ทั้งนี้ ในปี 2565 มีชาวต่างชาติเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นเพียง 5 แสนคน น้อยกว่าอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก่อนที่โลกจะเข้าสู่ยุคของโควิด-19 ในปีนั้นมีนักท่องเที่ยวไปเยือนญี่ปุ่นถึง 31.8 ล้านคน
อาราตะ ซาวะ (Arata Sawa) ทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งที่บ้านประกอบธุรกิจเรียวกัง (Ryokan-โรงแรมขนาดเล็กแบบญี่ปุ่น) ในกรุงโตเกียว เล่าว่า ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ลูกค้าร้อยละ 90 เป็นชาวต่างชาติ ดังนั้นจึงคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้กลับมาเยือนแดนอาทิตย์อุทัยอีก ทั้งนี้ ฟุมิโอะ คิชิดะ (Fumio Kishida) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคการท่องเที่ยว โดยหวังว่าจะดึงดูดเม็ดเงินประมาณ 5 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท
แต่ความคาดหวังดังกล่าวก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นจริงได้ เพราะธุรกิจภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในสถานการณ์โรคระบาด อาทิ ข้อมูลของทางการญี่ปุ่น พบว่า ระหว่างปี 2562 - 2564 การจ้างงานในธุรกิจโรงแรมลดลงร้อยละ 22 ขณะที่รายงานซึ่งเขียนโดย ทาคาฮิเดะ คิอูชิ (Takahide Kiuchi) นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยโนมุระ ระบุว่า เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะแตะที่ 2.1 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 5.46 แสนล้านบาทในปี 2566 แต่จะยังไม่สูงถึงระดับเดียวกับยุคก่อนโควิด จนกว่าจะถึงปี 2568
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ที่สนามบินนาริตะ ซึ่งเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น บรรยากาศยังคงเงียบเหงาจนวังเวง ร้านค้าและร้านอาหารราว 260 ร้าน ยังคงปิดทำการ มาเรีย ซาเธอร์ลีย์ (Maria Satherley) หญิงวัย 70 ปีจากนิวซีแลนด์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ราวกับเป็นเมืองร้างไปแล้วครึ่งหนึ่ง พร้อมกับชี้นิ้วไปที่บริเวณจุดรอของผู้โดยสารขาออกภายในอาคารผู้โดยสารหมายเลข 1 ลูกชายของหญิงชรานั้นอาศัยอยู่ที่เกาะฮอกไกโด ทางภาคเหนือของญี่ปุ่น และจริงๆ แล้ว เธออยากพาหลานสาวไปที่นั่นด้วยในช่วงฤดูหนาวของปีนี้ แต่ไม่สามารถทำได้เพราะหลานสาวอายุน้อยเกินกว่าจะฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ ซึ่งนี่เป็นข้อกำหนดสำหรับใครก็ตามที่ต้องการเดินทางเข้าญี่ปุ่น
ซาวาโตะ ชินโด (Sawato Shindo) ประธานของ อามินะ คอลเล็คชั่น จำกัด (Amina Collection Co) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปิดร้านขายของที่ระลึก 3 แห่งในสนามบินนาริตะ และไม่น่าจะได้กลับมาเปิดจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิของปีหน้า พนักงานและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ถูกกระจายจากสาขาที่สนามบินไปยังเครือข่ายร้านค้า 120 แห่งทั่วประเทศ เนื่องจากในช่วงสถานการณ์โรคระบาด บริษัทได้หันไปให้ความสำคัญกับตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศ และสถานการณ์คงไม่กลับไปสู่จุดเดียวกับโลกยุคก่อนโควิดโดยเร็ว เพราะข้อจำกัดยังคงเข้มงวดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
ปัจจุบันทางการญี่ปุ่นยังคงขอความร่วมมือให้ประชาชนสวมหน้ากากปิดปาก-จมูกเมื่ออยู่ภายในอาคารหรือสถานที่ปิด งดการพูดคุยเสียงดัง รวมถึงเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2565 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้โรงแรมสามารถปฏิเสธการให้บริการลูกค้าที่ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎการป้องกันโรคระบาดได้ ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในภาคส่วนอื่นๆ กลับพบสภาพการทำงานและการจ่ายค่าจ้างดีขึ้น ที่ปรึกษาของบริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ให้ความเห็นว่า คงไม่ง่ายที่จะชักชวนคนเหล่านี้กลับมาทำงานในภาคท่องเที่ยวอีกครั้ง
ที่ปรึกษาผู้นี้ซึ่งขอไม่ให้ผู้สื่อข่าวระบุชื่อ กล่าวว่า ธุรกิจภาคบริการเป็นที่พูดถึงกันมากว่าแรงงานได้ค่าตอบแทนค่อนข้างต่ำ ดังนั้นหากรัฐบาลมองว่าการท่องเที่ยวเป็นภาคเศรษฐกิจหลัก ก็อาจจำเป็นต้องมีมาตรการด้านการเงินหรือการอุดหนุน อนึ่ง รัฐบาลญี่ปุ่นเริ่มมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศในเดือน ต.ค.2565 ผ่านการสนับสนุนส่วนลดค่าเดินทางและที่พัก คล้ายกับที่ดำเนินการในปี 2563 แต่ถูกตัดลงเพราะจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
เทโกคุ ดาตาแบงก์ (Teikoku Databank) บริษัทวิจัยตลาดในญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ในเดือน ส.ค.2565 ร้อยละ 73 ของโรงแรมทั่วประเทศขาดแคลนพนักงานประจำ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 27 ในปี 2564 นอกจากนั้น ยังมีตัวอย่างของ คาวางุจิโกะ (Kawaguchiko) เมืองริมทะเลสาบเชิงภูเขาไฟฟูจิ ที่นั่นโรงแรมขนดาเล็กมีปัญหาในการรับพนักงานมาตั้งแต่ก่อนสถานการณ์โควิด-19 จากปัจจัยด้านตลาดแรงงานของญี่ปุ่นที่ตึงตัว และคาดว่าจะเจอปัญหาคอขวดที่คล้ายๆ กันในขณะนี้
อากิฮิสะ อินาบะ (Akihisa Inaba) ผู้จัดการทั่วไปของรีสอร์ทบ่อน้ำพุร้อน โยคิกัน (Yokikan) ในเมืองชิสุโอกะ ทางภาคกลางของญี่ปุ่น กล่าวว่า การจ้างพนักงานช่วงสั้นๆ ในฤดูร้อนหมายความวาคนงานต้องสละเวลาพัก โดยธรรมชาติ การขาดแคลนแรงงานจะเด่นชัดมากขึ้นเมื่อการเดินทางขาเข้ากลับมา ตนจึงไม่มั่นใจว่าเราจะมีความสุขได้มากขนาดนั้น
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า อีกประเด็นที่มีความกังวลในญี่ปุ่น คือชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาจะปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงการสวมหน้ากากปิดปาก-จมูกหรือไม่ การควบคุมการเดินทางข้ามแดนได้รับการสนับสนุนอย่างมากในช่วงสถานการณ์โรคระบาด และความกลัวก็ยังคงมีอยู่หลังมีข่าวการปรากฏตัวของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่
“ตั้งแต่เริ่มระบาดจนถึงตอนนี้ เรามีลูกค้าต่างชาติเพียงไม่กี่คน เกือบทุกคนสวมหน้ากาก แต่เราไม่มั่นใจว่าคนอื่นๆ ที่มาที่นี่จะทำแบบเดียวกันหรือไม่ แผนของผมคือจะขอให้พวกเขาสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในอาคาร” ซาวะ เจ้าของโรงแรมในโตเกียว กล่าวทิ้งท้าย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี