เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2565 สำนักข่าว CNN สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว Anger at China’s zero-Covid policy is rising, but Beijing refuses to change course โดยเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ที่อ้างว่าถูกโพสต์ในวันที่ 13 ต.ค.2565 ระบุว่า เป็นเหตุการณ์ประท้วง สีจิ้นผิง (Xi Jinping) ผู้นำสูงสุดของจีน ในพื้นที่กรุงปักกิ่ง ผู้ประท้วงมีการแขวนป้ายบนสะพาน มีข้อความว่า “ไม่เอาคัดกรองโควิดแต่ต้องการอาหาร ไม่เอาล็อกดาวน์แต่ต้องการเสรีภาพ ไม่เอาคำโกหกแต่ต้องการศักดิ์ศรี ไม่เอาการปฏิวัติวัฒนธรรมแต่ต้องการปฏิรูป ไม่เอาผู้นำที่ยิ่งใหญ่แต่ต้องการเลือกตั้ง อย่าเป็นทาสแต่จงเป็นพลเมือง” นอกจากนั้นยังมีป้ายอื่นๆ ที่มีข้อความว่า “ออกมาประท้วง ขับไล่สีจิ้นผิง ทรราชและคนทรยศต่อชาติ”
ซึ่งเมื่อเริ่มมีกระแสการประท้วง ระบบควบคุมข้อมูลข่าวสารบนอินเตอร์เน็ตของจีนก็ทำงานอย่างรวดเร็ว เว่ยป๋อ สื่อสังตมออนไลน์ยอดนิยมของจีน ระงับการค้นหาคำว่า “สะพานสีตง (Sitong Bridge)” ซึ่งเป็นจุดที่มีการแขวนป้ายประท้วง รวมถึงอีกหลายคำ เช่น ปักกิ่ง ไห่เตียน นักรบ ชายผู้กล้าหาญ แม้กระทั่งคำว่าความกล้าหาญ เช่นเดียวกับบัญชีแอปพลิเคชั่นสนทนาอย่างวีแชท รวมถึงบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ในเว่ยป๋อ ที่แสดงความคิดเห็นพาดพิงการประท้วงดังกล่าว ถูกระงับการใช้งานเป็นจำนวนมาก
ถึงกระนั้นก็ยังมีหลายคนแพยายามแสดงความคิดเห็นในเชิงสนับสนุน เช่น บางคนพูดถึงเพลงดังของจีนอย่าง “นักรบผู้โดเดเดี่ยว (Lonely Warrior)” เพื่ออ้างถึงผู้ประท้วงที่ถูกมองว่าเป็นฮีโร่ ในขณะที่คนอื่นๆ บอกว่าพวกตนจะไม่ลืม โดยเหตุการณ์นี้ถูกสื่อสารด้วยแฮชแท็ก “ฉันเห็นแล้ว (I saw it)” แต่ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับแรงต้านจากประชาชนเพียงใด ดูเหมือนรัฐบาลจีนยังคงเดินหน้านโยบาย “ซีโร่โควิด (Zero COVID)” หรือแผ่นดินจีนต้องปลอดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีความเป็นไปได้ว่าอาจยาวไปถึงปี 2566
ยังมีกรณีแพลตฟอร์มเว่ยป๋อ มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอหญิงสาวยืนที่ระเบียงห้องพัก ร้องไห้พลางตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่ซึ่งสวมชุดป้องกันวัตถุอันตราย ที่มาที่ไปของเรื่องนี้คือหญิงรายดังกล่าวถูกกักตัวมาร่วมครึ่งปีนับตั้งแต่กลับจากไปเรียนที่มหาวิทยาลัยตั้งช่วงฤดูร้อน เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่อาจสรุปได้ว่า ความไม่พอใขของประชาชนต่อนโยบายแผ่นดินปลอดโควิดมีแนวโน้มเพิ่มจึ้น ซึ่งในขณะที่ประเทศอื่นๆ ในเอเชีย แม้กระทั่งบางชาติที่เคยมีนโยบายแข็งกร้าวต่อโควิด ต่างก็ค่อยๆ ยกเลิกมาตรการข้อจำกัดต่างๆ แต่จีนยังคงยืนยันว่าแนวทางของตนเอาชนะโควิดได้
คำกล่าวอ้างนี้มีขึ้นแม้การติดเชื้อจะลุกลามอีกทั้งยังพบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ระบาดเพียงไม่กี่วันก่อนการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ งานสำคัญที่สุดสำหรับแวดวงการเมืองจีน ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 16 ต.ค.2565 และคาดว่า สีจิ้นผิง จะยังคงอยู่ในตำแหน่งผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศในรอบหลายทศวรรษ ผู้สังเกตการณ์ทั่วโลกกำลังจับตาดูการประชุมซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 5 ปี เพื่อดูสัญญาณการจัดลำดับความสำคัญของพรรค เมื่อพูดถึงจุดยืนเรื่องนโยบายซีโร่โควิด ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงขึ้น ตั้งแต่การเติบโตที่หยุดชะงักไปจนถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา มีประชากรกว่า 300 ล้านคนจากหลายสิบเมืองได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ไม่ว่าเต็มรูปแบบหรือบางส่วน แต่ในขณะที่สถานการณ์มีการสลับกันไประหว่างการยกเลิกและบังคับใช้ การระบาดของไวรัวก็ยังคงกลับมาอีก และการระบาดระลอกล่าสุด เป็นไปได้ที่ชาวจีนอาจต้องเผชิญความทุกข์ยากมากขึ้น
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน รายงานว่า ณ วันที่ 13 ต.ค.2565 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,476 รายทั่วประเทศ ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีนัยสำคัญ เนื่องจากสำหรับประเทศจีน การล็อกดาวน์อาจเกิดขึ้นได้แม้กระทั่งการพบผู้ติดเชื้อเพียงรายเดียว ดังตัวอย่างที่มณฑลเฮยหลงเจียง ประชากร 9 แสนคน ต้องเผชิญกับมาตรการล็อกดาวน์มาตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว ทั้งที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 1 รายเท่านั้น ขณะที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประชากรกว่า 25 ล้านคน กำลังวิตกกังวลว่าอาจเผชิญกับมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง หลังจากเพิ่งผ่านพ้นการล็อกดาวน์ที่ยาวนานถึง 2 เดือนมาได้ไม่นานนัก
เซี่ยงไฮ้รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 47 คนในวันที่ 13 ต.ค. 2565 ซึ่งเป็น 1 วันหลังจากทางการสั่งปิดสถานบันเทิง รวมถึงโรงภาพยนตร์และร้านอินเตอร์เน็ต ใน 6 เขตของเมือง ขณะที่สวนสนุกดิสนีย์ก็ต้องระงับการท่องเที่ยวและการโชว์ต่างๆ ตั้งแต่วันอาทิตย์ ยังมีรายงานผู้คนกักตุนน้ำดื่ม ซึ่งก็มีเรื่องให้ตื่นตระหนกอีก เนื่องจากการประปาของเซี่ยงไฮ้ได้ดำเนินการเพื่อรับรองคุณภาพน้ำ หลังพบน้ำเค็มไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง บริเวณปากแม่น้ำแยงซี เมื่อเดือน ก.ย.2565
ปัจจัยที่ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นยังไม่ชัดเจน แม้ทางการจีนกำลังพยายามควบคุมการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ BF.7 หลังตรวจพบครั้งแรกเมื่อปลายเดือน ก.ย.2565 ใน Hohhot เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน รายงานในวันที่ 13 ต.ค.2565 พบผู้ติดเชื้อ 329 ราย ซึ่งขณะนี้ถือว่าพื้นที่ห่างไกลเป็นจุดเสี่ยงสูง นอกจากนั้นยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ แม้จะมีมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดจนทำให้ผู้คนไม่เดินทางหรือใช้จ่ายในช่วงเทศกาลหยุดยาว 1 สัปดาห์ของจีน เมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค.2565
การระบาดใน Hohhot ส่งผลให้นักศึกษา 240,000 คน ถูกขังในมหาวิทยาลัย ไม่เพียงเท่านั้น แกนนำพรรคคอมมิวนิสต์คนหนึ่งในมหาวิทยาลัยถูกไล่ออกหลังพบนักศึกษา 39 คนติดเชื้อ เช่นเดียวกับมณฑลซินเจียงทางภาคตะวันตก ประชากร 22 ล้านคนถูกสั่งห้ามออกนอกพื้นที่และต้องอยู่แต่ภายในบ้าน ที่นี่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 403 คน ในวันที่ 13 ต.ค.2565
People’s Daily หนังสือพิมพ์พรรคคอมมิวนิสต์จีน เผยแพร่ข้อความเป็นเวลา 3 วันในสัปดาห์นี้ ย้ำจุดยืนว่าจะจีนจะไม่ละเลยการเฝ้าระวัง อีกทั้งยังพาดพิงไปถึงประเทศอื่นๆ ที่ทยอยผ่อนคลายและยกเลิกมาตรการควบคุมโรค ว่าประเทศเหล่านั้นไม่มีทางเลือก เนื่องจากต่างล้มเหลวในการควบคุมการระบาดอย่างมีประสิทธิภาพในเวลาที่เหมาะสม
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี