‘สีจิ้นผิง’ลั่นไม่เปลี่ยนนโยบาย‘ซีโร่โควิด’ แม้เศรษฐกิจกระทบหนัก-ปชช.เริ่มประท้วง
17 ตุลาคม 2565 The Evening Standard หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เสนอข่าว Xi Jinping doubles down on China’s Zero Covid policy at party congress ระบุว่า ในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ครั้งที่ 20 ที่กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา สีจิ้นผิง (Xi Jinping) ประธานาธิบดีจีน กล่าวถึงนโยบาย “ซีโร่โควิด (Zero COVID)” หรือแผ่นดินปลอดโควิด ว่าเป็นเหมือน “สงครามของประชาชน (People’s War)” เพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายของไวรัส และแม้เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ แต่ผู้นำสูงสุดของจีน ยังคงยืนยันจะใช้นโยบายนี้ต่อไป
“เรายึดมั่นในอำนาจสูงสุดของประชาชนและอำนาจสูงสุดของชีวิต เรามุ่งมั่นที่จะให้ความสำคัญกับประชาชนและชีวิตเป็นลำดับแรก และยึดมั่นในหลักการ Zero COVID จีนบรรลุผลเชิงบวกที่สำคัญในการป้องกันโรคระบาดโดยรวม และการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม” ปธน.สี กล่าว
ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ลงเนื่องจากปริมาณการฉีดวัคซีน จีนยังคงเดินหน้ามาตรการอย่างเข้มงวด เช่น การล็อกดาวน์และการตรวจคัดกรองหาเชื้อในวงกว้าง ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ว่า นโยบายซีโร่โควิดกำลังสร้างความผิดหวังให้กับสาธารณชน ซึ่งล่าสุดเพิ่งเกิดการประท้วงโดยมีการแขวนป้ายข้อความระบุว่า “เราต้องการอาหาร ไม่ใช่การตรวจ PCR” บนสะพานสีถง ในกรุงปักกิ่ง ไม่กี่วันก่อนการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเริ่มขึ้น
นอกจากเรื่องนโยบายควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 สีจิ้นผิง ยังแถลงเกี่ยวกับนโยบายของจีนต่อไต้หวัน โดยระบุว่า เรื่องของไต้หวันเป็นเรื่องของชาวจีนเอง และขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของชาวจีน แต่ยังยืนยันในแนวทางการรวมกันโดยสันติ ด้วยความพยายามและความจริงใจอย่างดีที่สุด ถึงกระนั้น จีนก็ไม่รับปากว่าจะไม่ใช้กำลัง และสงวนทางเลือกที่จะใช้มาตรการต่างๆ ที่จำเป็นทั้งหมด ทั้งนี้ จีนมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน ในขณะที่ไต้หวันซึ่งเป็นเกาะนั้น มองว่าตนเองแตกต่างจากจีนแผ่นดินใหญ่
ความตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวันเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม 2565 โดยจีนได้จัดการซ้อมรบบริเวณใกล้กับไต้หวัน เพื่อตอบโต้การเยือนไต้หวันของ แนนซี เปโลซี (Nancy Pelosi) ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา
อนึ่ง สีจิ้นผิง ในวัย 69 ปี น่าจะได้ดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของจีนต่อไป โดยจะเป็นสมัยที่ 3 ทำให้กลายเป็นผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุด นับตั้งแต่ยุคของ เหมาเจ๋อตุง (Mao Zedong) ผู้ก่อตั้งและผู้นำสูงสุดคนแรกของสาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะที่ในการแถลงนโยบายด้านเศรษฐกิจ ปธน.สี ระบุว่า ตนยังคงยืนยันเรื่องการให้เอกชนมีบทบาทสำคัญในการสร้างการเจริญเติบโตของผลิตภัรฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศ
ด้าน นสพ.The Straits Times ของสิงคโปร์ เสนอข่าว China locks down almost one million near iPhone factory ระบุว่า ที่เขตจงหยวน เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนานของจีน ทางการออกคำสั่งให้ประชากรเกือบ 1 ล้านคนอยู่แต่ภายในบ้าน มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. 2565 เป็นต้นไป โดยอนุญาตการออกจากบ้านเฉพาะการไปตรวจคัดกรองโควิด-19 เท่านั้น ขณะที่ธุรกิจที่ไม่จำเป็นก็ต้องปิดทำการทั้งหมด ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ใกล้กับโรงงานอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ ที่ผลิตโทรศัทพ์มือถือสมาร์ทโฟนยี่ห้อดังอย่าง “ไอโฟน (iPhone)” ด้วย
คำสั่งดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้กับประชาชน เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางการยืนยันว่าจะไม่มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั้งเมืองอีก เบื้องต้นตัวแทนของ Foxconn Technology Group บริษัทผู้ผลิตไอโฟนในจีน ซึ่งอยู่นอกเขตล็อกดาวน์ ยังไม่ชี้แจงใดๆ กับสื่อมวลชน ทั้งนี้ เมืองดังกล่าวพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพียง 6 คน เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2565 น้อยกว่ายอดสูงสุดที่ 40 คน เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2565
ขณะที่ในระดับทั่วประเทศ จีนมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 697 คน ต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากการระบาดในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน และที่มณฑลซินเจียง สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ด้านกรุงปักกิ่ง พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 13 คน ส่วนเมืองเซี่ยงไฮ้ พบติดเชื้อเพิ่ม 32 คน ทั้งนี้ จีนยังคงยึดมั่นนโยบายซีโร่โควิด หรือแผ่นดินปลอดโควิด อันหมายถึงการล็อกดาวน์และการตรวจคัดกรองเป็นวงกว้าง เพื่อควบคุมการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 เดือน แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงก็ตาม
นโยบายซีโร่โควิด ส่งผลให้จีนซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก อยู่ในสภาพหยุดชะงัก อีกทั้งยังกระทบกับห่วงโซ่อุปทานการผลิตสินค้าต่างๆ ไปทั่วโลก เนื่องจากจีนเป็นฐานการผลิตสำคัญทั้งรถยนต์ โทรศัพท์มือถือ แม้กระทั่งต้นคริสต์มาส ทั้งหมดต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่กิจการปิดๆ เปิดๆ เป็นระยะๆ ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2565 บรรดานักลงทุนต้องผิดหวังอีกครั้ง เมื่อ สีจิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของจีน ยืนยันจะไม่เปลี่ยนแนวทางไปจากซีโร่โควิดอย่างแน่นอน
ในระหว่างการแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งล่าสุด ปธน.สี ย้ำว่า กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดช่วยปกป้องชีวิตของผู้คน แต่เลี่ยงที่จะพูดถึงจำนวนผู้เสียชีวิต ขณะที่ความเห็นของบรรดานักเศรษฐศาสตร์ที่ให้ข้อมูลกับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก มองว่า เศรษฐกิจจีนในปี 2565 น่าจะเติบโตเพียงร้อยละ 3.3 ถือเป็นก้าวที่อ่อนแอที่สุดเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 4 ทศวรรษ
นอกจากนั้น ก่อนการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเพียงไม่กี่วัน ยังมีการแขวนป้ายประท้วงต่อต้านนโยบายซีโร่โควิด แต่ระบบควบคุมข้อมูลข่าวสารในจีน ได้ระงับการค้นหาคำที่เกี่ยวกับการประท้วง เช่น “ปักกิ่ง” และ “สะพาน” ในอินเตอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ของจีน อนึ่ง แม้บรรดาเมืองชั้นนำของจีนจะเลี่ยงการล็อกดาวน์ขนาดใหญ่ แต่ก็ยังพบการระงับกิจกรรมแบบเงียบๆ เช่น โรงเรียนหลายแห่งในเซี่ยงไฮ้ งดการเรียนการสอนในชั้นเรียน เนื่องจากกลัวการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมืองท่าสำคัญของจีนอย่างเทียนจิน มีคำสั่งล็อกดาวน์ 1 เขต รวมถึงที่เมืองกวางโจว ทางภาคใต้ของจีน สั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่แห่งหนึ่ง
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี