ไบเดน-มาครงคุยราบรื่น
วอชิงตัน - ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส แถลงร่วมกันหลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดที่ทำเนียบขาว ย้ำความร่วมมือกันในช่วงที่ยุโรปกังวลว่ากฎหมายลดเงินเฟ้อหรือไออาร์เอของสหรัฐฯ ไม่เป็นมิตรต่อการแข่งขันและจะทำให้คนในยุโรปตกงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในอุตสาหกรรมพลังงานและยานยนต์ ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า เขาจะไม่ขอโทษเรื่องกฎหมายไออาร์เอมูลค่า 430,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15 ล้านล้านบาท) ที่บังคับใช้เมื่อเดือนสิงหาคม เน้นเรื่องการลงทุนและการสนับสนุนการลงทุนด้านสภาพภูมิอากาศและสังคม เนื่องจากกฎหมายนี้ไม่เคยมีเจตนาจะทำให้พันธมิตรเสียประโยชน์ แต่มุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมไปพร้อมกับหุ้นส่วนอย่างยุโรป ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากความเปราะบางทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงที่โควิด-19 ระบาดและสงครามในยูเครน อย่างไรก็ดี เขายอมรับว่า กฎหมายฉบับนี้มีความซับซ้อนและกว้างขวางจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข ด้านประธานาธิบดีมาครงยอมรับว่า เป้าหมายของไออาร์เอเรื่องสร้างงานและเดินหน้าปรับเปลี่ยนไปสู่เศรษฐกิจสีเขียวเป็นเป้าหมายเดียวกันกับยุโรป แต่การอุดหนุนอุตสาหกรรมของสหรัฐตามกฎหมายนี้เสี่ยงสร้างความเสียหายให้แก่ธุรกิจยุโรป ประเด็นหลักในการหารือกับประธานาธิบดีไบเดนจึงเป็นการหาทางปรับให้เข้ากันและทำงานร่วมกัน
ชาวอินเดียส่งเงินกลับบ้านเก่ง
นิวเดลี - ธนาคารโลกหรือเวิลด์แบงก์เปิดเผยว่า ชาวอินเดียส่งเงินกลับประเทศปีนี้ปีเดียวรวมมากถึง 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.4 ล้านล้านบาท) เป็นประเทศแรกในโลกที่พลเมืองส่งเงินกลับบ้านมากถึงจำนวนดังกล่าวในปีเดียว ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพีของประเทศ และเป็นผลมาจากการขึ้นค่าแรง และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ช่วงหลายปีปัจจุบัน ชาวอินเดียจำนวนมากย้ายเข้าไปทำงานตำแหน่งที่ได้ค่าจ้างดีๆ ในกลุ่มประเทศรายได้สูง เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ และ สิงคโปร์ จนสามารถส่งเงินกลับบ้านได้มากขึ้นสำหรับภูมิภาคเอเชียใต้ นอกจากอินเดียแล้วยังมีเนปาลที่แรงงานข้ามชาติส่งเงินกลับบ้านเพิ่มมากขึ้น ส่วนแรงงานข้ามชาติประเทศเอเชียใต้อื่นๆ ยอดส่งเงินกลับบ้านลดลงมากกว่าร้อยละ 10 เนื่องจากสิ้นสุดมาตรการจูงใจที่รัฐบาลประกาศใช้ระหว่างการระบาดของโควิด-19 ขณะที่แรงงานประเทศอื่นๆ ที่ส่งเงินกลับบ้านมากอันดับต้นๆ ของโลกมีรวมทั้ง เม็กซิโก จีน อียิปต์ และ ฟิลิปปินส์
จับหญิงปิดเครื่องช่วยหายใจคนไข้ร่วมห้อง
เบอร์ลิน - ตำรวจเยอรมนีจับกุมคนไข้หญิง วัย 72 ปี ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองมานน์ไฮม์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนี ในข้อหาพยายามฆ่าคนตาย หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุปิดเครื่องช่วยหายใจของผู้ป่วยร่วมห้องถึง 2 ครั้ง เพราะรำคาญเสียงที่ดังมาจากเครื่องช่วยหายใจ ตำรวจและอัยการของเยอรมนีระบุว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ถูกกล่าวหาว่าแอบปิดเครื่องช่วยหายใจของผู้ป่วยหญิงอีกคนที่เป็นคนไข้ร่วมห้อง แม้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้เตือนเธอแล้วว่าผู้ป่วยหญิงร่วมห้องของเธอจำเป็นต้องสวมเครื่องช่วยหายใจ แต่ผู้ต้องสงสัยรายนี้ก็ยังแอบปิดเครื่องช่วยหายใจอีกครั้งในช่วงเย็นวันอังคาร เหตุดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลต้องปฏิบัติการกู้ชีพผู้ป่วยร่วมห้องจนกระทั่งมีอาการพ้นขีดอันตราย แต่ยังคงต้องรักษาตัวอยู่ในห้องดูแลผู้ป่วยหนัก ทั้งนี้ผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวได้ถูกนำตัวขึ้นศาลเมื่อวันพุธ และถูกส่งตัวไปคุมขังในเรือนจำแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี