ไม่ใช่แค่มาเที่ยว! สื่อนอกเผยชาวจีนหลายรายฝันอยากอยู่ยาวที่เมืองไทย เหตุค่าครองชีพถูก-ดีต่อสุขภาพใจ
6 ม.ค. 2566 สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์ เสนอรายงานพิเศษ Sick of the grind, China’s well-off seek slower pace in Thailand ว่าด้วยชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่มองประเทศไทยเหมือน “ดินแดนในฝัน” ที่ไม่เพียงแต่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวเท่านั้น หลายคนยังต้องการไปตั้งรกราก ลงหลักปักฐานใช้ชีวิตในระยะยาว ซึ่งในแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของแดนมังกรอย่าง “เสี่ยวหงซู (Xiaohongshu)” ชาวเน็ตมีการพูดคุยกันในเรื่องดังกล่าวอย่างมาก
อาทิ ตัวอย่างของหญิงชาวจีนรายหนึ่งที่ส่งลูกไปเรียนยังโรงเรียนนานาชาติใน จ.ภูเก็ต ที่นั่นใช้ภาษาอังกฤษในการสอนและมีนักเรียนมาจากทั่วโลก หญิงรายนี้ให้เหตุผลว่า ลูกของตนไม่จำเป็นต้องเรียนได้คะแนนสูงที่สุดหรือใช้ชีวิตแบบเคร่งครัดทุกกระเบียดนิ้วที่สุด แต่อยากให้ได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานและมีความสุข นอกจากนั้น ยังมีชาวจีนที่พูดถึงการใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุจากวัยทำงาน เพราะที่นั่นมีสถานพยาบาลที่ราคาไม่แพงอยู่ไม่ไกลจากชายหาด
หัวข้อสนทนาการย้ายไปอยู่ประเทศไทยของชาวจีน สอดคล้องกับที่ทางการแดนมังกรประกาศกลับมาเปิดให้บริการทำหนังสือเดินทางและยกเลิกการกักตัวผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ หลังจากที่จีนปิดประเทศยาวนานตั้งแต่ปี 2563 นั่นทำให้มีการคาดการณ์ว่า น่าจะมีชาวจีนหลายสิบล้านคนเตรียมของตั๋วเครื่องบินเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างแดนตลอดช่วงวันหยุดในไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือนนี้
อย่างไรก็ตาม มีชาวจีนหลายคนต้องการทิ้งบ้านเกิดไปตั้งถิ่นฐานบนแผ่นดินอื่น ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา เช่น เบื่อหน่ายกับการปกครองแบบเผด็จการ สังคมที่มีการแข่งขันสูง ไปจนถึงค่าครองชีพที่แพงขึ้นเรื่อยๆ จนยากที่จะเลี้ยงดูครอบครัวหรือใช้ชีวิตหลังเกษียณ การสนทนาในเรื่องนี้โดยอยู่ในหัวข้อ “รัน เสวีย (Run Xue)” กลายเป็นเรื่องที่มีคนสนใจเข้าในดูนับล้านครั้ง แม้ยังไม่ชัดเจนว่ามีชาวจีนจำนวนเท่าใดที่ตั้งเป้าหมายจะย้ายประเทศ
สำหรับชาวจีนที่มีกำลังทรัพย์ ประเทศไทยคือทางเลือกที่ดี เพราะที่นั่นพวกเขาสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ในราคาที่ถูกกว่ามากเมื่อเพียบกับเมืองใหญ่ของจีนอย่างกรุงปักกิ่งหรือเมืองเซี่ยงไฮ้ อีกทั้งยังใช้ระยะเวลาที่สั้นสำหรับการเดินทางจากจีน ทั้งนี้ ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ในประเทศไทย พบว่า ชาวจีนคือลูกค้าต่างชาติกลุ่มหลักของตลาดอสังหาฯ ไทย ในปี 2565 ที่ผ่านมา พบยอดจองซื้อถึง 3,500 หน่วย เฉลี่ยหน่วยละ 1.5 แสนเหรียญสหรัฐ หรือราว 5.1 ล้านบาท และคาดว่าจะมากขึ้นหลังจีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง
นายหน้ารายหนึ่ง เปิดเผยว่า เมืองท่องเที่ยวชายทะเลของไทยอย่างเกาะภูเก็ต หรือที่พัทยา จ.ชลบุรี คอนโดมิเนียมก่อสร้างใหม่บริเวณริมหาดร้อยละ 25-30 ได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวจีน นอกจากนั้น แพลตฟอร์มเสี่ยวหงซู ยังกลายเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของชาวจีนที่ต้องการลงทุนทำธุรกิจในเมืองไทย ดังที่ เหม่ยเหริน (Mei Ren) หญิงชาวจีนที่เปิดร้านอาหารในไทย ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนๆ ชาวต่างชาติ
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า เจ้าหน้าที่ด้านการท่องเที่ยวของไทย คาดว่าในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยประมาณ 3 แสนคน และตลอดทั้งปีจะอยู่ที่ 5 ล้านคน ต่อเนื่องจากเที่ยวบินที่จะค่อยๆ กลับสู่เมืองเล็กๆ และสนามบินจะกลับมาเปืดทำการอีกครั้ง ทั้งนี้ ย้อนไปในปี 2562 อันเป็นปีสุดท้ายก่อนที่โลกจะเข้าสู่สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 มีชาวจีนถึง 10 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศไทย
ในช่วงที่สถานการณ์โรคระบาดรุนแรง ภาคการท่องเที่ยวของไทยที่ทำรายได้ 1 ใน 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ทั้งประเทศ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ในปี 2563 เศรษฐกิจไทยหดตัวถึงร้อยละ 6.1 ก่อนจะค่อยๆ กลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 1.5 ในปี 2564 แต่แล้วเมื่อถึงช่วงกลางปี 2565 ที่ทางการไทยประกาศเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบ เศรษฐกิจไทยก็กลับฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และสำหรับภาคการท่องเที่ยวรวมถึงกิจการอื่นๆ ที่พึ่งพาเม็ดเงินจากต่างประเทศ เช่น อสังหาริมทรัพย์ การบอกลานโยบายแผ่นดินปลอดโควิด (Zero COVID) ของทางการจีน ทำให้ผู้ประกอบการในภาคส่วนดังกล่าวโล่งใจ
ถิงเย่ (Ting Ye) ผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองเสินเจิ้นของจีน ซึ่งประกอบกิจการขายที่อยู่อาศัยใน จ.ชลบุรี กล่าวว่า มีเหตุผลที่ทำให้ชาวจีนอยากมาอยู่เมืองไทย เช่น ค่าครองชีพที่ไม่แพง มีโรงเรียนนานาชาติ รวมถึงมีผู้สูงอายุเดินทางมาใช้ชีวิตหลังเกษียณ นอกจากนั้นยังมีผู้ที่ซื้ออสังหาฯ ในเชิงลงทุน อาทิ ปล่อยเช่าหรือขายต่อ อนึ่ง ประเทศไทยยังอาจเป็นยาที่ช่วยรักษาบาดแผลในใจของชาวจีน ที่มุ่งมั่นทำงานหนักแต่ได้รับผลตอบแทนเพียงเล็กน้อยตามเมืองใหญ่บนแผ่นดินเกิด
หญิงรายหนึ่งโพสต์คลิปวีดีโอพาชมชีวิตในบ้านพักคนชราใน จ.เชียงใหม่ ทางภาคเหนือของไทย ที่นั่นมีพยาบาลดูแลตลอด 24 ชม. ด้วยค่าใช้จ่ายเพียง 1,600 เหรียญสหรัฐ หรือราว 5.5 หมื่นบาทต่ดเดือนเท่านั้น ยังมีหนุ่มจีนจากกรุงปักกิ่ง ที่ใช้ชื่อว่า อเล็กซ์ (Alex) เล่าว่า ตนทำงานผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล จึงได้ใช้ชีวิตแบบสบายๆ ในเชียงใหม่ ด้วยการทำงานจากร้านกาแฟที่นั่น
ขณะที่บรรดาแม่ๆ ชาวจีน ต่างก็บอกว่า การเลี้ยงลูกในเมืองไทยที่บรรยากาศวุ่นวายน้อยกว่าเมืองจีน จะเป็นประโยชน์ต่อเด็กๆ มากกว่า ซึ่งสอดคล้องกับที่ Sudarat Phakdee หญิงชาวไทยซึ่งเป็นครูสอนศิลปะในโรงเรียน One Day Esthetic ที่พัทยา กล่าวว่า ลูกศิษย์ของเธอที่เป็นเด็กๆ ชาวจีน ดูจะมีความสุขและผ่อนคลายมาก เพราะที่นี่มีพื้นที่มากมายให้พวกเขาได้วิ่งเล่น
ขอบคุณเรื่องจาก aljazeera
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี