‘ญี่ปุ่น’พบมาตรการคุมโควิด‘สวมหน้ากาก’กระทบพัฒนาการของเด็ก

‘ญี่ปุ่น’พบมาตรการคุมโควิด‘สวมหน้ากาก’กระทบพัฒนาการของเด็ก

วันศุกร์ ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2566, 20.02 น.

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 เว็บไซต์ นสพ.The Mainichi ของญี่ปุ่น เสนอข่าว Prolonged mask wearing among Japan day care staff casts shadow over kids' development ระบุว่า การที่ครูพี่เลี้ยงผู้ดูแลเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้องสวมหน้ากากปิดปาก-จมูกอย่างต่อเนื่องยาวนานในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 อีกด้านหนึ่งได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อพัฒนาการเด็กด้วย

ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โคมาซาวา วาโกะ (Komazawa Wako Nursery School) ในเขตเซตะกายะ (Setagaya) ของกรุงโตเกียว พบว่า การสวมหน้ากากเป็นเรื่องยากที่จะสื่อสารความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนด้วยการเคลื่อนไหวของริมฝีปากและแก้มเพื่อผู้พูดสวมหน้ากาก ทำได้เพียงการแสดงอารมณ์ผ่านดวงตาและน้ำเสียงเท่านั้น โดยในช่วงต้นเดือน ธ.ค. 2565 ในขณะที่ครูพี่เลี้ยงซึ่งสวมหน้ากากกำลังสอนเด็กวัย 3 ขวบ ให้ออกเสียง “ปะ-ปิ-ปุ-เปะ-โปะ (การฝึกออกเสียงพยางค์ในภาษาญี่ปุ่น)” พบว่า ไม่สามารถแสดงตัวอย่างให้เด็กเห็นได้เพราะริมฝีปากถูกหน้ากากปิดไว้


ครูพี่เลี้ยงรายนี้ กล่าวว่า เด็กเรียนรู้คำศัพท์จากการสังเกตริมฝีปากของผู้พูด จึงเป็นเรื่องยากที่จะให้เรียนรู้จากการได้ยินเพียงอย่างเดียว อีกทั้งการสวมหน้ากากบางครั้งยังทำให้เด็กๆ รู้สึกว่าครูกำลังเตือนในสิ่งที่เด็กๆ ไม่ควรทำ เพราะเด็กๆ จะมองเห็นตนแต่สายตาที่จ้องมองเท่านั้น รวมถึงในช่วงแรกๆ ที่เกิดสถานการณ์โรคระบาดแล้วต้องให้เด็กใส่หน้ากากด้วย ยังพบว่า เด็กบางคนมีอาการหวาดกลัว แต่บางคนก็ดูก้าวร้าวทันทีหรือไม่ก็ส่งเสียงดัง

ไม่เพียงแต่ศูนย์เด็กเล็กแห่งนี้เท่านั้น ยังมีรายงานอีกมากมายทั่วญี่ปุ่นที่พบว่า มาตรการควบคุมโรคระบาดส่งผลกระทบเชิงลบต่อพัฒนาการของเด็ก เช่น พบพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ โดยในเดือน ก.ย. 2565 ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยนาโกยาและสถาบันอุดมศึกษาอีกหลายแห่ง พบว่า สมดุลของเด็กลดลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โรคระบาด

ผลการศึกษาดังกล่าวใช้การสุ่มตัวอย่างเด็กอายุ 9-15 ปี ในเมืองโอกาซากิ จังหวัดไอจิ โดยให้ทดสอบร่างกายด้วยการทรงตัว ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ รวมถึงทำแบบสอบถามเกี่ยวกับชั่วโมงการนอนและพฤติกรรมอื่นๆ ในชีวิต ในห้วงเวลา 2 ปี นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2563 เป็นต้นมา ก่อนจะนำไปเปรียบเทียบกับงานวิจัยอื่นๆ ที่ดำเนินการศึกษาก่อนสถานการณ์โรคระบาด

สิ่งที่ทีมวิจัยพบ เช่น เมื่อเด็กถูกขอให้ก้าวเท้า 2 ก้าวแล้วยืนด้วยเท้า 2 ข้างพร้อมกับ อัตราส่วนของระยะก้าวต่อความสูงของเป้าหมายลดลงร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 จึงสรุปได้ว่า สถานการณ์โรคระบาดนี้ทำให้ความสามารถในการทรงตัวของเด็กลดลง ศูนย์สุขภาพและการพัฒนาเด็กแห่งชาติในกรุงโตเกียว เผยแพร่ผลการศึกษาในเดือน พ.ย. 2565 ยังพบอาการที่คล้ายกับผู้ที่มีเป็น “โรคคลั่งผอม (Anorexia Nervosa)” ซึ่งพฤติกรรมการกินจะผิดปกติ เพิ่มขึ้น 1.6 เท่าในกลุ่มผู้ป่วยนอก และ 1.5 เท่าในกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาล เมื่อเที่ยวกับช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด ทำให้มองเห็นได้ว่า สถานการณ์โรคระบาดก่อให้เกิดอารมณ์วิตกกังวล

พยาบาลสาธารณสุขที่คุ้นเคยกับสถานการณ์ในสถาบันการศึกษาในกรุงโตเกียว เปิดเผยว่า ตนเห็นนักเรียนชั้นประถมมีอารมณ์ไม่มั่นคงมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ขณะที่ มาซาโกะ เมียววะ (Masako Myowa) ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสมองและอารมณ์ของเด็ก มหาวิทยาลัยเกียวโต อธิบายว่า วัยเด็กนั้นสมองกำลังพัฒนาและไวต่ออิทธิพลของสิ่งแวดล้อม หากพวกเขาไม่สามารถรับสิ่งที่ต้องการบอกผู้อื่นได้ พวกเขาอาจรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มั่นคง และไม่รู้สึกภูมิใจในตนเอง ข้อค้นพบนี้ยังอาจเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาที่เพิ่มขึ้นในปีการศึกษา 2564 ในชั้นประถมและมัธยมศึกษาตอนต้น

รายงานข่าวทิ้งท้ายว่า ในขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นขอให้ประชาชนสวมหน้ากากปิดปาก-จมูกแม้กระทั่งอยู่ในบ้าน เว้นแต่อยู่ห่างกันมากๆ หรือไม่มีการสนทนาใดๆ แต่ เมียววะ ให้ความเห็นว่า เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงจนเหลือน้อย ผู้คนควรได้รับอนุญาตให้ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องสวมหน้ากาก ดำเนินวิถีชีวิตที่จำเป็นสำหรับเด็ก มีแนวโน้มว่าผู้ใหญ่สามารถช่วยเด็กให้มีพัฒนาการได้หากเพิ่มการสัมผัสทางกาย เช่น การกอด และเด็กก็มีโอกาสที่จะได้เห็นญาติพี่น้องและคนอื่นๆ ด้วยตนเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'หมอยง'เผยเหตุผล 'นักเรียนอนุบาล-ประถมตอนต้น' ควรเลิกใส่'หน้ากากอนามัย'

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top