สื่อนอกตีข่าวชาวรัสเซียเลือกเมืองไทย บ้านหลังใหม่หนีภัยสงครามยูเครน
23 ก.พ. 2566 สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์ เสนอรายงานพิเศษ Russians make Thailand a refuge as Ukraine war enters second year เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2566 ว่าด้วยสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ดำเนินมายืดเยื้อเกือบจะครบ 1 ปีเต็มแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 2566 ที่รัสเซียยกกองทัพบุกยูเครน ซึ่งก็พบว่า มีชาวรัสเซียที่หนีผลกระทบจากสงคราม เช่น ไม่อยากถูกเกณฑ์ทหารไปรบ หรือปัญหาเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่อง เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่ลี้ภัย
สื่อกาตาร์อ้างถึง จ.ภูเก็ต ดินแดนเกาะซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม ชาวรัสเซียกำลังซื้อคอนโดมิเนียมด้วยราคาครึ่งล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 17.5 ล้านบาทขึ้นไปโดยไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกในการย้ายถิ่นฐานหรือจัดหาที่พักสำหรับอนาคต เมื่อพวกเขาอาจรู้สึกว่าถูกบีบให้ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน ทั้งนี้ ข้อมูลจากท่าอากาศยานภูเก็ต พบว่า ระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 2565 - 21 ม.ค. 2566 มีชาวรัสเซียเดินทางมาภูเก็ตกว่า 233,000 คน
ภูเก็ตเป็นสถานที่หลบภัยจากฤดูหนาวอันโหดร้ายของรัสเซียมาอย่างยาวนาน แต่ยอดขายอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้นนับตั้งแต่เมื่อเดือน ก.ย.. 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ วลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ประธานาธิบดีรัสเซีย มีคำสั่งระดมพลครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยบ่งชี้ว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากตั้งใจที่จะพักนานกว่าวันหยุดปกติ อาทิ โซเฟีย มาลีเกวาเรียล (Sofia Malygaevareal) ชาวรัสเซียซึ่งปัจจุบันเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต เปิดเผยว่า ลูกค้าของตนส่วนใหญ่อายุ 30-35 ปี มีกำลังซื้อสูง หลายคนตัดสินใจย้ายมาภูเก็ตตั้งแต่ 3-6 เดือน หรือแม้แต่ 1 ปี
ชาวรัสเซียที่สนใจจะมาอยู่อาศัยในประเทศไทย คนเหล่านี้ต้องการบ้าน งาน โรงเรียนและวีซ่า แต่การได้รับอนุญาตให้เป็นผู้อาศัยระยะยาวนั้นยากมาก สำหรับคนที่ต้องการหนีภัยสงคราม เงินไม่ใช่ปัญหา บรรดานายหน้าอสังหาฯ ในภูเก็ต ชี้ว่า การหลั่งไหลของผู้มาเยือนที่มั่งคั่งซึ่งได้รับแรงหนุนจากการรับรู้ที่เพิ่มขึ้นว่าสงครามยังไม่สิ้นสุดเมื่อเข้าสู่ปีที่ 2 ได้ผลักดันราคาให้สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ คอนโดหรูที่มีให้เช่า จากเดิมค่าเช่าอยู่ที่ 1,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 35,000 บาทต่อเดือน จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ได้เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ขณะที่ วิลล่าสุดหรูในตลาดราคา 6,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 210,000 บาทขึ้นไปจะถูกจองล่วงหน้าถึงหนึ่งปี
ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของไทย (REIC) ระบุว่า ในปี 2565 ชาวรัสเซียซื้อคอนโดมิเนียมเกือบร้อยละ 40 ที่ขายให้กับชาวต่างชาติในภูเก็ต เช่นเดียวกับนายหน้าในท้องถิ่นรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ผู้ซื้อบางรายใช้เงินกว่า 500,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 17.5 ล้านบาท ไปกับบ้านสุดหรูริมทะเล ซึ่ง มาลีเกวาเรียล อธิบายว่า สถานการณ์ที่บ้านเปลี่ยนไป โดยอ้างถึงสภาพเศรษฐกิจที่ยากลำบากในรัสเซีย คนที่มีเงินออกไปต่างประเทศจึงพร้อมที่จะจ่ายเงินสำหรับโรงเรียนนานาชาติซึ่งมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าในกรุงมอสโก
ตัวแทนบริษัทนำเที่ยวในภูเก็ตซึ่งขอไม่ให้ระบุชื่อ เล่าว่า มีชาวรัสเซียซื้อ “ตั๋วเที่ยวเดียว (one-way ticket)” และใช้วีซ่าท่องเที่ยว เพื่อเดินทางมาประเทศไทย คนเหล่านี้ไม่ต้องการถูกเกณฑ์ทหารจึงไม่อยากกลับบ้าน อนึ่ง ไม่เพียงแต่ภูเก็ต ยังมีรายงานพบชาวรัสเซียอยู่อาศัยบนเกาะสมุย จ.สุราษฎณ์ธานี อีกหนึ่งเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม รวมไปถึงเมืองชายทะเลในภาคตะวันออกอย่างพัทยา จ.ชลบุรี ก็เช่นกัน ดังที่ มิคาอิล อิลยิน (Mikhail Ilyin) หัวหน้านักบวชแห่งคริสตจักรออโธดอกซ์รัสเซียออลเซนต์ในพัทยา กล่าวว่า ชาวรัสเซียย้ายมาพัทยามากขึ้นตั้งแต่เดือน ต.ค. 2565 ส่วนใหญ่เป็นคู่รักหนุ่มสาวที่กังวลเรื่องความปลอดภัย แต่ก็ไม่ง่ายกับการที่จะอยู่ยาวที่เมืองไทย บางคนคิดจะเดินทางกลับเมื่อไม่มีทางเลือก
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ไม่เพียงแต่ชาวรัสเซียที่หนีภัยสงครามไปประเทศไทย แม้แต่ชาวไทยที่ทำงานในรัสเซียก็ยังขอกลับเดินทางกลับแผ่นดินเกิด อาทิ ดาร์ (Dar) หญิงวัย 40 ปีเศษ เคยเป็นพนักงานในสปาระดับหรูในกรุงมอสโก เนื่องจากมูลค่าของเงินสกุลรูเบิลของรัสเซียเสื่อมลง ทำให้รายได้ลดลงด้วย หญิงไทยรายนี้กลับมาหางานทำในย่านจอมเทียนของพัทยา และมีลูกค้าประจำเป็นชาวรัสเซียเนื่องจากทักษะทางภาษาที่มี อนึ่ง ผู้หญิงที่ต้องการให้สามี แฟนหนุ่ม หรือลูกย้ายมาไทย หลายคนเดินทางล่วงมามาที่นี่ก่อนเพื่อหาที่อยู่อาศัยและจัดการเรื่องวีซ่า
อย่างไรก็ตาม การขอวีซ่าอาศัยระยะยาวในไทยอาจไม่ง่ายอีกต่อไป หลังเกิดเหตุอื้อฉาวในประเทศไทย เมื่อมีรายงานข่าวตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทย อำนวยความสะดวกในการพาชาวจีนที่มีพฤติกรรมทำผิดกฎหมายเข้าไปเป็นผู้อาศัยในไทย ผ่านการจัดหางานหรือการร่วมโครงการจิตอาสาที่ไม่ได้ดำเนินการจริง นั่นหมายความว่าชาวรัสเซียที่สามารถจ่ายได้จะต้องยื่นขอวีซ่าการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ราคาแพงที่เรียกว่า “อีลีทการ์ด” ซึ่งอนุญาตให้ครอบครัวหนึ่งพำนักระยะยาวได้ ในราคาประมาณ 25,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 8.75 แสนบาท
การที่ชาวรัสเซียและเงินของรัสเซียหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยยังสร้างความขุ่นเคืองในบางไตรมาส อาทิ ที่ภูเก็ต ซึ่งกำลังฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวหลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 มีข้อพิพาทระหว่างคนท้องถิ่นกับชาวรัสเซีย โดยฝ่ายแรกกล่าวหาว่าฝ่ายหลังเข้ามาแย่งงาน มีผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวหลายราย ร้องเรียนเกี่ยวกับคนขับรถแท็กซี่ชาวรัสเซียที่พาเพื่อนร่วมชาติไปรอบเกาะและจัดทัวร์รอบเมืองเก่าอันเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของเกาะ โดยมักไม่มีใบอนุญาตหรือวีซ่าที่จำเป็น
เมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ. 2566 ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม (Bhummikitti Ruktaengam) นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต บ่นเกี่ยวกับโอกาสที่ชาวรัสเซียจะเข้ามาบดบังวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ถ้าเป็นเรื่องจริง พวกเขารับงานของเราในบ้านเรา เราปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นไม่ได้
ขอบคุณเรื่องจาก aljazeera