ระบบรางขาดการปรับปรุงมานาน ต้นตอโศกนาฎกรรมรถไฟประสานงาที่กรีซ
3 มี.ค. 2566 เว็บไซต์ นสพ.The New York Times สหรัฐอเมริกา เสนอรายงานพิเศษ ‘Unjustifiable Delays’: Rail Safety Upgrade in Greece Stalled for Years ว่าด้วยอุบัติเหตุรถไฟชนประสานงากันที่ประเทศกรีซ เมื่อค่ำวันที่ 28 ก.พ. 2566 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบราย เบื้องต้นมีการควบคุมตัวนายสถานีเมืองลาริสซา ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ แต่โศกนาฎกรรมครั้งนี้ได้จุดกระแสความไม่พอใจให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนชาวกรีซ เนื่องจากพบว่า ระบบโครงสร้างพื้นฐานทางรางถูกปล่อยปละละเลยมานาน ขาดการซ่อมบำรุงและปรับปรุงให้ทันสมัย
สหภาพแรงงานการรถไฟแห่งประเทศกรีซ กล่าวว่า รัฐบาลควรติดตั้งระบบความปลอดภัยตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการชนกันของรถไฟ แต่เมื่อคืนวันที่ 28 ก.พ. 2566 เมื่อขบวนรถขนสินค้าและขบวนรถโดยสารพุ่งเข้าหากันด้วยความเร็วสูง เจ้าหน้าที่จึงต้องพึ่งพาระบบที่มีความซับซ้อนน้อยกว่าระบบที่ใช้ในหลายประเทศในยุโรป แต่ถึงกระนั้น ระบบพื้นฐานก็ยังใช้งานได้ไม่เต็มที่เนื่องจากไฟและสัญญาณไม่ทำงาน
ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 57 ราย แม้ต้นตอของอุบัติเหตุยังไม่ชัดเจน แต่จ้าหน้าที่และผู้ชี่ยวชาญหลายรายเชื่อว่า หากระบบความปลอดภัยที่ทันสมัยได้รับการติดตั้งตามที่วางแผนไว้ ขบวนรถทั้ง 2 จะไม่มีทางวิ่งมาเจอกันบนรางเดียวกันและชนประสานงากันได้เลย อาทิ โจเซฟ ด็อปเปลเบาเออร์ (Josef Doppelbauer) หัวหน้าองค์การรถไฟแห่งสหภาพยุโรป กล่าวว่า หากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นแน่นอนว่าเสียงเตือนจะดังขึ้นและระบบเบรกอัตโนมัติจะเริ่มทำงาน ที่ผ่านมาก็เคยเตือนประเทศกรีซอยู่หลายปี เกี่ยวกับระบบความปลอดภัยที่ไม่เพียงพอ
คีริอากอส มิทโซตาคิส (Kyriakos Mitsotakis) นายกรัฐมนตรีกรีซ กล่าวโทษอุบัติเหตุครั้งนี้ว่าเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ที่น่าเศร้า ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมลาออก โดยยอมรับว่าความพยายามในการปรับปรุงความปลอดภัยทางรถไฟยังไม่เพียงพอ และผู้จัดการสถานีในลาริสซา เมืองใกล้จุดเกิดเหตุ ถูกตั้งข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ความผิดพลาดดังกล่าวได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาของระบบที่นอกเหนือไปจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในเหตุสลดครั้งล่าสุดนี้
ระบบขนส่งทางรางของกรีซยังคงจัดอยู่ในกลุ่มที่อันตรายที่สุดของทวีปอย่างต่อเนื่อง แม้จะได้รับเงิน 700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท ในการปรับปรุงสิ่งใหม่จากสหภาพยุโรป (EU) ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และการติดตั้งระบบความปลอดภัยใหม่ก็ติดขัด จนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลลาออกเมื่อปีที่แล้วเพื่อประท้วงสิ่งที่เรียกว่า ความล่าช้าที่ไม่สมเหตุสมผล
EU คาดหวังให้สมาชิกทั้ง 27 ประเทศ ดำเนินขั้นตอนใหม่ที่ซับซ้อนซึ่งเรียกว่า ระบบควบคุมรถไฟแห่งยุโรป ภายในสิ้นทศวรรษนี้ ระบบดังกล่าวจะตรวจสอบรถไฟและเข้าควบคุมเมื่อรถไฟแล่นเร็วเกินไป ฝ่าไฟแดง หรือไปผิดทาง โดย EU ต้องการขยายการเดินทางด้วยรถไฟข้ามพรมแดน และการปรับมาตรฐานความปลอดภัยให้สอดคล้องกันทั่วทั้งกลุ่มเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ดังกล่าว แต่การบังคับใช้นั้นไม่สอดคล้องกัน ดังตัวอย่างของเหตุรถไฟชนประสานงาที่เพิ่งเกิดขึ้น
เจดด์ ฮอลเลวิจน์ (Jedde Hollewijn) เจ้าหน้าที่ฝ่ายนโยบายรถไฟของสหพันธ์แรงงานด้านการขนส่งแห่งยุโรป กล่าวว่า หากระบบควบคุมรถไฟของยุโรปได้รับการติดตั้งและทำงานได้อย่างถูกต้อง มันควรจะป้องกันไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ความตั้งใจคือให้ทุกประเทศในยุโรปดำเนินการตามนี้ แต่ก็ทราบดีว่ากรีซล้าหลังอย่างมาก ขณะที่เมื่อมองไปยังประเทศอื่นๆ อาทิ ลักเซมเบิร์ก ประเทศที่เล็กที่สุดและร่ำรวยที่สุดใน EU กำลังใช้ระบบใหม่นี้ในเส้นทางรถไฟของตน
เช่นเดียวกับ เบลเยียมวางแผนที่จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในปี 2568 ส่วนเส้นทางอื่นๆ ได้อัปเกรดเส้นทางหลักของตนแล้ว แต่ถึงแม้จะไม่มีเทคโนโลยีใหม่ ระบบรางส่วนใหญ่ก็มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเพื่อป้องกันการชนกันของศีรษะ ตัวอย่างเช่น หน่วยงานความปลอดภัยรถไฟแห่งชาติของฝรั่งเศส ใช้ระบบเบรกอัตโนมัติและเทคโนโลยีอื่นๆ แต่นั่นไม่ได้เกิดขึ้นในกรีซ ประเทศซึ่งไม่เคยมีระบบความปลอดภัยอัตโนมัติระดับชาติ
นิโคลาออส ซิคาลาคิส (Nikolaos Tsikalakis) ประธานสหภาพแรงงานการรถไฟแห่งประเทศกรีซ กล่าวว่า ระบบสวิตช์ในเมืองลาริสซาไม่เพียงพอมานานหลายปี เนื่องจากชิ้นส่วนต่างๆ หายไปจากอุปกรณ์ส่งสัญญาณพื้นฐาน สาเหตุที่แท้จริงของการอัปเกรดระบบความปลอดภัยช้านั้นยังไม่ชัดเจนในทันที แต่สหภาพแรงงาน เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยและผู้เชี่ยวชาญ กล่าวถึงหลายปัจจัย เช่น งบประมาณตึงตัว ปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ความล่าช้าของระบบราชการ และข้อพิพาทด้านสัญญา
สมาชิกสหภาพการรถไฟหลายคนเขียนจดหมายแสดงความไม่พอใจถึงรัฐบาลมานานหลายปี รวมทั้งเมื่อเดือน ม.ค. 2566 เตือนเกี่ยวกับปัญหาด้านความปลอดภัย จดหมายฉบับนั้นเตือนถึงโศกนาฏกรรมและวิพากษ์วิจารณ์อย่างเป็นลางไม่ดี โดยมีการใช้ถ้อยคำว่า เราจะไม่รอให้เกิดอุบัติเหตุที่จะได้เห็นพวกเขาร้องไห้ด้วยน้ำตาจระเข้ และพวกเขาจะรออะไรอีกที่จะเข้ามาแทรกแซง ซึ่ง ซิคาลาคิส ยืนยันว่า พวกตนแจ้งเตือนรัฐบาลกรีซมาแล้วหลายยุคแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง อุบัติเหตุที่สะเทือนใจนี้จึงเกิดขึ้น ตนไม่ต้องการให้รางรถไฟนั้นเต็มไปด้วยคราบเลือดและน้ำตา
เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระบบรางในยุโรปกล่าวว่าทางการกรีซยังละเลยภารกิจสำคัญในการตรวจสอบและปรับปรุงขั้นตอนความปลอดภัยและอุปกรณ์ทั่วทั้งเครือข่าย สิ่งนี้สามารถปรับปรุงได้แม้กระทั่งระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐานของประเทศ ขณะที่ ไวย์ภาพ ปุริ (Vaibhav Puri) ผู้แทนคณะกรรมการความปลอดภัยและมาตรฐานระบบรางในอังกฤษ ให้ความเห็นว่า การประเมินความเสี่ยงและการเฝ้าติดตามต้องดำเนินการในทุกสถานที่ รถไฟทุกประเภท และอุปกรณ์ทุกชนิด
การชนครั้งนี้ยังเน้นให้เห็นถึงอำนาจที่จำกัดของสหภาพยุโรปในการเรียกร้องให้มีการปรับปรุงทางรถไฟ แม้ว่าจะมีการเทเงินลงไปก็ตาม กลุ่มจัดสรรเงินประมาณ 117 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 4 พันล้านบาท โดยเฉพาะสำหรับการอัปเกรดความปลอดภัยบนเส้นทางระหว่างกรุงเอเธนส์-เมืองเทสซาโลนิกิ อันเป็นเส้นทางที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2566 ดังกล่าว
ด็อปเปลเบาเออร์ ยอมรับว่า แม้องค์การรถไฟแห่ง EU ได้ออกรายงานและเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกดำเนินการให้ดีขึ้น แต่ไม่สามารถบังคับให้รัฐบาลแห่งชาติทำการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งในหลายมาตรฐาน กรีซมีระบบรถไฟที่อันตรายที่สุดในยุโรป ซึ่งแม้จะมีการจัดทำแผนปฏิบัติการ และขอให้ทางการกรีซรายงานความคืบหน้ากลับมาด้วย แต่องค์กรฯ ก็มีอำนาจจำกัด แต่ก็ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารของกลุ่ม อาจดำเนินการทางกฎหมายกับกรีซ เนื่องจากไม่สามารถรักษามาตรฐานความปลอดภัยได้
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 2 มี.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ของยุโรปยังแสดงท่าทีร่วมมือกัน อดาลเบิร์ท จาห์นซ์ (Adalbert Jahnz) โฆษกของคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า EU ยังสนับสนุนทางการเงินแก่กรีซและยังคงติดต่ออย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ที่นั่น ถึงกระนั้น ทางการกรีกไม่มีความโปร่งใสเกี่ยวกับรายละเอียดทางรถไฟที่สำคัญ 2 สัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ยุโรปยื่นฟ้องกรีซต่อศาลเนื่องจากปฏิเสธที่จะเปิดเผยสัญญาสำคัญ ที่ระบุว่าจะมีการจัดการทางรถไฟอย่างไรในขณะที่ปรับปรุงให้ทันสมัย
ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2566 จอร์กอส เกราเปตริติส (Giorgos Gerapetritis) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (Minister of State) ของกรีซ กล่าวขอโทษครอบครัวของเหยื่อรถไฟขนกัน และสัญญาว่าจะสอบสวนอย่างละเอียด นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟให้ทันสมัย เพื่อฟื้นฟูความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถไฟ และเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยในด้านจิตวิทยาของประชาชน
รายงานข่าวทิ้งท้ายด้วยความเห็นของ ด็อปเปลเบาเออร์ ว่า ตนหวังให้โศกนาฏกรรมครั้งนี้ เป็นการบังคับให้มีการปรับปรุงระบบรางอื่นๆ ทั่วยุโรป อุบัติเหตุร้ายแรงดังกล่าวเป็นเครื่องเตือนใจเสมอว่าความปลอดภัยมีความสำคัญเพียงใด และขอเตือนให้ทุกคนถือเอาคำเตือนอย่างจริงจัง
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.nytimes.com/2023/03/02/world/europe/greece-rail-safety.html
-009
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี