เบอร์ลิน (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส) - เยอรมนีปิดสวิตช์เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 3 เครื่องสุดท้าย ถือเป็นการออกจากการใช้พลังงานจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์อย่างเป็นทางการในช่วงสุดสัปดาห์ และหลังจากนี้
ต้องหาแนวทางในการลดและเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และยังต้องจัดการกับวิกฤตพลังงานที่เป็นผลมาจากสงครามในยูเครน
บริษัทพลังงานอาร์ดับเบิลยูอี ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ได้ตัดสายส่งไฟฟ้าจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 3 เครื่องสุดท้าย คือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เน็คคาร์เวสธาม (Neckarwestheim) ใกล้เมืองสตุ๊ตการ์ท ที่เปิดเดินเครื่องมาตั้งแต่ปี 1989 รวมถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีซาร์ทู (Isar 2) ในรัฐบาวาเรีย และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เอ็มสลันด์ (Emsland) อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ จากระบบพลังงานไฟฟ้าของประเทศ พร้อมกับกล่าวในแถลงการณ์ว่า ยุคสมัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเยอรมนีสิ้นสุดลงแล้ว ขณะที่การชุมนุมต่อต้านนิวเคลียร์รวมตัวกันตามถนนในหลายเมืองในเยอรมนีเพื่อรำลึกถึงการปิดตัวของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ส่วนกลุ่มกรีนพีซ ซึ่งเป็นแกนหลักในการต่อต้านเรื่องนี้ จัดงานฉลองที่บริเวณ
ประตูบรันเดนเบิร์ก เกต ในกรุงเบอร์ลิน
ในขณะที่หลายประเทศเพิ่มการลงทุนในเรื่องพลังงานจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เยอรมนีกลับปิดฉากยุคโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เร็วกว่ากำหนด โดยตั้งเป้าหมายเลิกใช้พลังงานนิวเคลียร์มาตั้งแต่
ปี 2545 แต่การค่อยๆ เปลี่ยนถ่ายและการยุติการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการผลิตไฟฟ้าเริ่มผลักดันให้เร็วขึ้นในสมัยของอดีตนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ในปี 2554 หลังจากเกิดภัยพิบัติที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ในญี่ปุ่น
การยกเลิกการใช้พลังงานนิวเคลียร์เป็นแนวทางที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ซึ่งเป็นผลมาจากความกลัวที่ยังคงมีอยู่จากความขัดแย้งของสงครามเย็นและภัยพิบัตินิวเคลียร์ เช่น กรณีโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล ในยูเครน สเตฟฟี ลัมเก รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า ความเสี่ยงของพลังงานนิวเคลียร์เป็นเรื่องที่จัดการไม่ได้อย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ดี แต่การที่รัสเซียทำสงครามในยูเครนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 ทำให้กระแสเรื่องการยกเลิกพลังงานนิวเคลียร์เปลี่ยนไป เพราะรัสเซียงดส่งออกก๊าซราคาถูกให้แก่ยุโรปจนเยอรมนีเกิดวิกฤตพลังงาน และต้องเลื่อนการปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 3 โรงในประเทศ จากกำหนดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 มาเป็นช่วงสุดสัปดาห์นี้
คาดว่าหลังจากนี้ เยอรมนีต้องหาแนวทางในการลดและเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล โดยได้เพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจากที่ไม่ถึงร้อยละ 25 เมื่อทศวรรษก่อน เป็นร้อยละ 46 ในปี 2565 และตั้งเป้าปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดภายในปี 2581 โดยจะทยอยปิดระลอกแรกในปี 2573 ปัจจุบัน โรงไฟฟ้าถ่านหินผลิตไฟฟ้าได้ 1 ใน 3 ของการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศ
เยอรมนีเริ่มเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มาตั้งแต่ปี 2512 แต่ได้ทยอยปิดเตาปฏิกรณ์รวมแล้ว 16 เตานับตั้งแต่ปี 2546 โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 3 โรงสุดท้ายผลิตไฟฟ้าได้ร้อยละ 6 ของการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศในปี 2565 เปรียบเทียบกับปี 2540 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เดินเครื่องอยู่ทั้งหมดผลิตไฟฟ้าได้ร้อยละ 30.8 ของการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี