3 พ.ค. 2566 องค์กรนิรโทษกรรมสากล หรือแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องทางการ สปป.ลาว เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์ยิงสังหาร อานุซา “แจ็ค” หลวงสุพม อายุ 25 ปี ณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2566 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2566 โดย อานุซา ด้โพสต์แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนในลาว และมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมากในสื่อสังคมออนไลน์
แจ็คเป็นผู้วิจารณ์การเมืองและสังคมลาวอย่างแหลมคม เขาทำเพจเฟซบุ๊กสองเพจ โดยมีชื่อเป็นคำแปลภาษาไทยว่า “ขับเคลื่อนด้วยคีย์บอร์ด” และ “สทล. - สาธารณรัฐ” ทั้งสองเพจนี้เผยแพร่ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และการเมือง โดยรวมไปถึงปัญหามลพิษฝุ่นควันในลาว สิทธิมนุษยชนของเด็กนักเรียน และสิทธิของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้พูดคุยกับเพื่อนนักกิจกรรมสองคนของแจ็ค ซึ่งบอกว่าการยิงสังหารครั้งนี้ ทำให้เกิดบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวขึ้นและส่งผลให้ประชาชนลาวรู้สึกเกรงกลัวที่จะแสดงความเห็นที่แหลมคมเกี่ยวกับปัญหาสังคมยิ่งขึ้นไปอีก โดยเพื่อนนักกิจกรรม ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย กล่าวว่า รู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกลัวว่าอาจจเกิดกับตนเช่นกัน ซึ่งตนก็ไม่ได้ไปเยี่ยมแจ็คที่โรงพยาบาลเพราะกลัวจะตกเป็นเป้าสอดแนมของทางการ และคงต้องหยุดเคลื่อนไหวไปสักพักหนึ่ง
คลิปเหตุการณ์ยิงสังหาร ถูกเผยแพร่ตามรายงานข่าวของ ลาวพัดทะนาเดลินิวส์ สื่อซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับทางการลาว และได้รับการแชร์อย่างกว้างขวางในบรรดาผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ จวบจนถึงวันที่ 2 พฤษภาคม ทางการลาวยังไม่ได้ระบุตัวผู้ก่อเหตุ แม้จะมีคลิปวิดีโอเป็นหลักฐาน ทั้งนี้ สปป.ลาว เป็นรัฐภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งคุ้มครองสิทธิที่จะมีชีวิต ตามข้อ 6 และสิทธิที่จะมีเสรีภาพด้านการแสดงออกตามข้อ 19 อย่างไรก็ดี รัฐบาลลาวยังคงควบคุมสื่อมวลชนเกือบทั้งหมด และที่ผ่านมา ลาวมีประวัติของการปราบปรามนักปกป้องสิทธิมนุษยชนมาอย่างยาวนาน
การเคลื่อนไหวอย่างเป็นอิสระและการรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนในลาว เป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง และปรากฏกรณีการทำร้ายนักปกป้องสิทธิมนุษยชนบางกรณี ซึ่งไม่ได้รับการคลี่คลายแม้จะผ่านไปหลายปี ในวันที่ 15 ธ.ค. 2555 สมบัด สมพอน ผู้นำภาคประชาสังคม ถูกบังคับสูญหายเข้าไปในรถกระบะของบุคคลซึ่งระบุตัวตนมิได้ หลังถูกตำรวจเรียกให้หยุดตรวจที่เวียงจันทน์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือได้รับข่าวสารจากเขาอีกเลย
แอมเนสตี้ฯ ยังได้บันทึกข้อมูล การจับกุมสามนักสิทธิมนุษยชนชาวลาว รวมทั้งสุกาน ชัยทัด สมพอน พิมมะสอน และหลอดคำ ทำมะวง ในเดือนมีนาคม 2559 หลังจากพวกเขาเข้าร่วมการชุมนุมอย่างสงบที่ด้านนอกของสถานเอกอัครราชทูตลาวที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนธันวาคม 2558 พวกเขายังได้โพสต์แสดงความเห็นในเฟซบุ๊ก วิจารณ์รัฐบาลลาวเกี่ยวกับปัญหาการทุจริต การตัดไม้ทำลายป่า และการละเมิดสิทธิมนุษยชน ต่อมาพวกเขาทั้งสามคนได้ถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 12 ถึง 20 ปี ภายหลังการพิจารณาคดีลับเมื่อเดือนเมษายน 2560 ภายหลังศาลมีคำพิพากษา แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนักกิจกรรมเหล่านี้โดยทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข
ในวันที่ 29 ส.ค. 2562 อ๊อด ไชยะวง อดีตสมาชิกกลุ่ม 'ลาวเสรี' ซึ่งเคลื่อนไหวในประเด็นสิทธิมนุษยชน การทุจริต และปัญหาสิ่งแวดล้อมในลาว ได้หายตัวไปจากบ้านที่กรุงเทพฯ ในขณะนั้น เขาอยู่ระหว่างการลี้ภัยในประเทศไทย และเพิ่งจะเข้าพบกับผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยความยากจนสุดโต่งและสิทธิมนุษยชนในขณะนั้น เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2562 ก่อนที่ผู้รายงานพิเศษจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจอย่างเป็นทางการต่อไป ณ ประเทศลาว ในเดือนกันยายน 2565 เลขาธิการองค์การสหประชาชาติชี้ว่า การหายตัวไปของอ๊อด อาจเป็นการตอบโต้เอาคืนจากการที่เขาให้ความร่วมมือกับกลไกสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
โจ ฟรีแมน รักษาการรองผู้อำนวยการระดับภูมิภาคด้านการสื่อสารประจำแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่าทางการลาวต้องดำเนินการสอบสวนอย่างรวดเร็ว ครบถ้วนรอบด้าน เป็นอิสระ และเป็นกลาง ต่อเหตุการณ์การสังหารอันเป็นที่น่าสะเทือนขวัญของนักกิจกรรมเยาวชนที่กล้าออกมาพูดถึงปัญหาสิทธิมนุษยชนในลาว ไม่ควรมีนักปกป้องสิทธิมนุษยชนคนใดถูกฆ่าเพียงเพราะการทำงานของเขา
“ประชาคมนานาชาติ และหน่วยงานของสหประชาชาติ ต้องเรียกร้องให้ทางการลาวรับประกันให้มีการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน” โจ ฟรีแมน กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://www.naewna.com/inter/728483 นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวลาว ถูกยิงดับคาคาเฟ่ใจกลางกรุงเวียงจันทน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี