ดราม่ารอบโลก! "ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน vs เลือกปฏิบัติ-ละเมิดสิทธิ" 2 มุมถกเถียง"เขตปลอดเด็ก"ควรมีไหม?
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เว็บไซต์ นสพ.The Washington Post สหรัฐอเมริกา เสนอรายงานพิเศษ Is it discrimination if you can’t bring your kids to a restaurant? ระบุว่า ที่ประเทศเกาหลีใต้ ผู้คนกำลังมีข้อถกเถียงกรณีร้านอาหารและสถานที่ของเอกชนหลายแห่ง ประกาศ “เขตปลอดเด็ก (No-Kid Zone หรือ Child-Free Zone)” หรือห้ามพ่อแม่ผู้ปกครองพาบุตรหลานอายุน้อยๆ เข้าไปใช้บริการ ซึ่งก็มีทั้งฝ่ายที่มองว่าสามารถทำได้ และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่าละเมิดสิทธิและเลือกปฏิบัติ
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยเจจูของเกาหลีใต้ พบว่า ทั่วประเทศมีสถานที่ที่ติดประกาศเป็นเขตปลอดเด็ก 500 แห่ง ไม่นับสถานบันเทิงอย่างบาร์หรือไนท์คลับทีห้ามเด็กเข้าอยู่แล้ว ขณะที่ ยง เฮ-อิน (Yong Hye-in) สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ ซึ่งอีกบทบาทคือการเป็นคุณแม่วัย 33 ปี ที่มีลูกเล็กวัย 23 เดือน และเคยมีประสบการณ์ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าสถานที่เพราะพาลูกไปด้วย ประกาศว่าจะผลักดันมาตรการที่จะทำให้การประกาศเขตปลอดเด็กเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ด้านสภาท้องถิ่นของเกาะเจจู ก็จะมีการลงมติในเดือน พ.ค.2566 เรื่องประกาศนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นโยบายเขตปลอดเด็กยังเป็นข้อถกเถียงในอีกหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ แคนาดา เยอรมนี รวมถึงในสหรัฐฯ สายการบินหลายแห่ง รวมถึงเจแปนแอร์ไลน์ มาเลเซียนแอร์ไลน์ และอินดิโกในอินเดีย ได้สร้างทางเลือกให้ผู้โดยสารเลือกที่นั่งห่างจากเด็กเล็กหรือทารก ห้องสมุดและพิพิธภัณฑ์บางแห่งยังกำหนดอายุขั้นต่ำสำหรับผู้เข้าชมอีกด้วย โดยฝ่ายสนับสนุนกล่าวว่า เจ้าของธุรกิจมีสิทธิที่จะควบคุมบรรยากาศของสถานที่ ส่วนฝ่ายคัดค้านมองว่าผู้ประกอบการตีตราเด็ก และปฏิเสธสิทธิขั้นพื้นฐานที่จะมีอยู่ในพื้นที่สาธารณะ
การถกเถียงยังทำให้เกิดคำถามที่กว้างขึ้นว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบในการดูแล และในบางครั้งก็รวมถึงประเด็นความอดทนต่อคนรุ่นต่อไป ซึ่งเมื่อมองไปทั่วโลก อัตราการเกิดนั้นลดลงอย่างต่อเนื่องตลอด 70 ปีที่ผ่านมา โดย ศ.ไฮเก สคานเซล (Prof.Heike Schanzel) ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ กล่าวว่า เด็กๆ ถูกมองว่าเป็นทางเลือกในการดำเนินชีวิตมากกว่าเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่มีสุขภาพดี สิ่งนี้ทำให้เกิดความแตกแยกที่จำเป็นต้องได้รับการจัดการอย่างรอบคอบ เพราะการอนุญาตให้มีพื้นที่ปลอดเด็กมีแต่จะยิ่งซ้ำเติมปัญหาครอบครัวมีลูกน้อยลง โดยเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเกิดต่ำที่สุดในโลก
เฮยัง วู (Hyeyoung Woo) นักสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอนของสหรัฐฯ ที่สนใจศึกษาประเด็นเกี่ยวกับสถาบันครอบครัว เปิดเผยว่า เขตปลอดเด็กเริ่มปรากฏในเกาหลีใต้เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน เนื่องจากเสียงบ่นผ่านพื้นที่ออนไลน์เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลยให้บุตรหลานก่อความเดือดร้อนรำคาญกับคนอื่นๆ รอบข้าง อาทิ ทิ้งผ้าอ้อม ปล่อยให้บุตรหลานวิ่งเล่น เป็นต้น แต่อีกด้านหนึ่ง การมีเขตปลอดเด็กยังสะท้อนความคาดหวังของสังคมเกาหลีใต้ ที่ต้องการให้ผู้หญิงเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน และการจำกัดไม่ให้เด็กอยู่ในที่สาธารณะก็ยิ่งตอกย้ำความท้าทายของการเป็นพ่อแม่ รวมถึงกีดกันคนไม่ให้มีลูก
รายงานของสื่อสหรัฐฯ กล่าวต่อไปว่า ในอีกมุมหนึ่ง การมีสถานที่ที่ประกาศเขตปลอดเด็กอาจทำให้ครอบครัวบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น ดังที่ ทีม พีตัค (Tim Ptak) เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองซีแอทเทิล รัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ เล่าว่า แม้ร้านของตนจะประกาศเขตปลอดเด็ก แต่ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี เพราะยังมีร้านอาหารแห่งอื่นที่เป็นมิตรกับครอบครัวมาก ความสวยงามของระบบนี้คือช่วยให้มีพื้นที่สำหรับทุกคน ทั้งคนที่รับได้กับบรรยากาศความเป็นครอบครัว และคนที่ขอพื้นที่สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น
ถึงกระนั้น หลายคนรู้สึกว่ามีวิธีที่ดีกว่าในการจัดการสภาพแวดล้อมสาธารณะ ธุรกิจสามารถใช้มาตรการอื่นๆ เพื่อห้ามพฤติกรรมที่ส่งเสียงดังและก่อกวนได้ อาทิ ศ.จอห์น วอลล์ (Prof.John Wall) ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก มหาวิทยาลัยรัทเจอร์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ของสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า ผู้ใหญ่ที่เมาแล้วตะโกนใส่เพื่อนฝูงในร้านอาหารนั้นน่ารำคาญกว่าเด็กวัยหัดเดินที่ร้องไห้ และเมื่อเด็กๆ ตกเป็นเป้าหมาย ผู้ใหญ่จะบอกว่าเด็กเป็นพลเมืองชั้นสองไม่เหมาะกับสังคม และย้ำว่า การประกาศเขตปลอดเด็กเข้าข่ายละเมิดหลักสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งห้ามการเลือกปฏิบัติตามลักษณะทั่วไป รวมถึงอายุ ดังนั้นผู้ใหญ่จึงไม่ได้ปกป้องเด็ก แต่กำลังปกป้องสิทธิที่ควรจะเป็นของผู้ใหญ่ที่ไม่ต้องคลุกคลีกับเด็ก
เช่นเดียวกับ ศ.แอน มารี มูมากาห์น (Prof.Ann Marie Murnaghan) ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก มหาวิทยาลัยยอร์ก เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ที่กล่าวว่า พื้นที่ที่ไม่มีเด็กเป็นตัวอย่างของการมีอคติต่อเด็ก ซึ่งอ้างว่า 1 ใน 3 ของมนุษยชาติ (เด็ก) เป็น ปัญหาสำหรับอีก 2/3 (ผู้ใหญ่) รวมถึง เอมี คอนลีย์ ไรท์ (Amy Conley Wright) ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า เขตปลอดเด็กทำลายข้อตกลงพื้นฐานระหว่างคนต่างวัยที่ห่วงใยทั้งคนมาก่อนและมาหลัง และมองว่าคนที่ใช้นโยบายนี้คิดสั้น ผู้คนคงลืมไปแล้วว่าพวกเขาก็เคยเป็นทารก และถามว่าคนเหล่านั้นไม่เคยร้องงอแงสักครั้งเลยหรือ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี