ฮิโรชิมา (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน แสดงท่าทีเหมือนจะยอมรับว่า ยูเครนเสียเมืองบักห์มุตให้กับรัสเซียแล้ว ระบุ ไม่มีอะไรเหลือในเมืองแห่งนี้ ซึ่งเป็นสมรภูมิที่ดุเดือดนองเลือดที่สุดระหว่างยูเครนกับรัสเซีย

ประธานาธิบดีเซเลนสกี ซึ่งเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือ จี 7ที่เมืองฮิโรชิมา ของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 21 พ.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ยอมรับว่าไม่มีอะไรเหลือที่เมืองบักห์มุตแล้ว ตอนนี้ เมืองบักห์มุตอยู่แต่เพียงในหัวใจเท่านั้น เขากล่าวด้วยว่า เมืองบักห์มุตเป็นชัยชนะที่ไม่คุ้มเสียของฝ่ายรัสเซีย เมืองนี้ไม่มีอะไรเหลือสำหรับชาวยูเครนที่จะต้องเสียเมืองไปมีเพียงซากปรักหักพังและศพของทหารรัสเซีย ที่ผ่านมา ทหารยูเครนทำงานหนักและต้องขอบคุณทหารที่เสียสละปกป้องเมือง

กองทัพรัสเซียประกาศก่อนหน้านี้ว่า สามารถยึดเมืองบักห์มุตซึ่งเป็นเมืองที่ทำเหมืองเกลือและครั้งหนึ่งเคยมีประชากร 70,000 คนได้สำเร็จแล้ว การสูญเสียเมืองดังกล่าวถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของยูเครน ที่พยายามรักษาเมืองนี้มาเป็นเวลาหลายเดือน โดยไม่สนใจคำแนะนำเบื้องหลังของสหรัฐฯ ว่า ให้หันไปเน้นป้องกันที่จุดอื่น เนื่องจากเมืองนี้ไม่มีความสำคัญในทางยุทธศาสตร์ในการทำสงครามในภาพรวม การเสียเมืองบักห์มุต นับเป็นชัยชนะสำคัญของรัสเซียหลังจากต้องเสียหน้าพ่ายแพ้หลายครั้งในการต่อสู้หลายพื้นที่ที่ผ่านมา ทั้งรัสเซียและยูเครนเชื่อว่า สงครามที่บักห์มูตสร้างความสูญเสียอย่างหนักให้กับทั้งสองฝ่าย

อย่างไรก็ดี ระหว่างการประชุมจี 7 เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีไบเดนได้ประกาศความช่วยเหลือด้านอาวุธชุดใหม่แก่ยูเครน ซึ่งเตรียมเปิดฉากปฏิบัติการตอบโต้รัสเซียครั้งใหญ่ในเร็วๆ นี้ เพื่อผลักดันให้รัสเซียออกจากดินแดนส่วนต่างๆ ที่ถูกรัสเซียยึดครอง โดยความช่วยเหลือใหม่ของสหรัฐฯ นี้จะครอบคลุมเครื่องกระสุน ปืนใหญ่และยานยนต์หุ้มเกราะ ก่อนหน้านี้ไบเดน เพิ่งจะไฟเขียวให้พันธมิตรส่งมอบเครื่องบินขับไล่เอฟ-16ที่สหรัฐฯ สร้างให้กับยูเครน

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีไบเดน พร้อมด้วยนายกรัฐมนตรีฟูมิโอ คิชิดะ ของญี่ปุ่น และประธานาธิบดียุน ซอก ยอล ของเกาหลีใต้ ได้พบกันเป็นระยะเวลาสั้นๆ นอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำจี 7 โดยไบเดนได้กล่าวยกย่องผู้นำทั้งสองที่ทำงานอย่างกล้าหาญในการปรับปรุงความสัมพันธ์ทวิภาคี ผู้นำทั้งสาม ยังได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือใหม่ๆ ในเรื่องภัยคุกคามด้านอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ พร้อมกันนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยังได้เชิญผู้นำญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ไปเยือนสหรัฐเพื่อหารือไตรภาคีอย่างเป็นทางการที่กรุงวอชิงตัน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่าการประชุมสามฝ่ายตามข้อเสนอของผู้นำสหรัฐจะมีการเตรียมการในเร็วๆ นี้และขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดใดๆ ที่จะแจ้งในขณะนี้

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้พยายามกระชับความสัมพันธ์หลังจากเกิดความหมางเมินกันมายาวนานจากประเด็นที่เกี่ยวกับการที่ญี่ปุ่นครอบครองคาบสมุทรเกาหลีเป็นอาณานิคมด้วยความโหดร้ายระหว่างปี 1910-1945 และการบังคับใช้แรงงานและกดขี่ทางเพศ