โลกจับตา"จีน"จะเท"รัสเซีย"หรือไม่ หลัง"กบฏวากเนอร์"สั่นคลอนเสถียรภาพแดนหมีขาว ทำนักลงทุนกังวล
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอรายงานพิเศษ Wagner mutiny exposes risks for China's deep Russian ties ระบุว่า เหตุการณ์กองกำลังทหารรับจ้างกลุ่มวากเนอร์ก่อกบฎต่อรัสเซีย อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ของ 2 พันธมิตรอย่างรัสเซียกับจีน โดยช่วงก่อนที่รัสเซียจะทำสงครามกับยูเครน จีนได้ประกาศว่าจะเป็น “หุ้นส่วนแบบไม่จำกัด” กับรัสเซีย แต่หลังเกิดเหตุกบฎวากเนอร์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐอมริกา ตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะทำให้ผู้นำจีนรู้สึกไม่สงบ และบรรดานักวิเคราะห์ทั้งในและนอกจีน เริ่มมีคำถามว่าจีนควรลดความสัมพันธ์กับรัสเซียหรือไม่
เยฟเกนี พริโกชิน (Yevgeny Prigozhin) หัวหน้ากลุ่มวากเนอร์ ซึ่งนำสมาชิกทหารรับจ้างร่วมก่อการเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2566 คือบททดสอบที่ท้าทายที่สุดของ วลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ประธานาธิบดีรัสเซีย นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มทำสงครามกับยูเครนในเดือน ก.พ. 2565 และแม้เหตุการณ์จะจบลงอย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 1 วัน แต่นักธุรกิจจีนที่ส่งออกสินค้าไปรัสเซีย เริ่มคิดกันแล้วว่าควรจะยังทำต่อไปหรือไม่ อาทิ เสินมู่หุย (Shen Muhui) หัวหน้าสมาคมการค้ามณฑลฝูเจี้ยน ทางภาคใต้ของจีน เปิดเผยว่า แม้วิกฤติจะคลี่คลายลง แต่นักธุรกิจบางคนยังขออยู่นิ่งๆ เพราะไม่แน่ใจว่าหลังจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า
ในเบื้องต้น ผู้สื่อข่าวยังไม่ได้รับคำชี้แจงจากกระทรวงการต่างประเทศของจีน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยประกาศว่าเหตุการณ์กบฎวากเนอร์เป็นเรื่องภายในของรัสเซีย และจีนสนับสนุนรัฐบาลรัสเซียในความพยายามสร้างเสถียรภาพ ขณะที่ อเล็กซานเดอร์ เนลล์ (Alexander Neill) นักวิชาการอิสระด้านความั่นคงซึ่งอาศัยอยู่ในสิงคโปร์ มองว่า เหตุการณ์นี้ทำให้ความสัมพันธ์อย่างไร้ขีดจำกัดระหว่างจีนกับรัสเซียเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
พริโกชิน อ้างว่าเหตุที่ต้องลงมือก่อการ เนื่องจากไม่พอใจที่สมาชิกกลุ่มทหารรับจ้างหลายคนเสียชีวิตจากการโจมตีของฝ่ายเดียวกัน ทั้งนี้ ในการเคลื่อนกำลังสู่กรุงมอสโกเมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 มิ.ย. 2566 ด้วยระยะทาง 800 กิโลเมตร กลุ่มวากเนอร์แทบไม่เผชิญกับการต่อต้าน ขณะที่ในวันที่ 25 มิ.ย. 2566 เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง จีนไม่ได้แสดงความคิดเห็น แต่ออกแถลงการณ์ในวันดังกล่าว ซึ่งที่กรุงปักกิ่ง ฉินกัง (Qin Gang) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย
หัวใจของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียคือความขัดแย้งร่วมกันโดยมองว่าโลกที่ครอบงำโดยสหรัฐฯ และการขยายพันธมิตรทางทหารขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) นั้นคุกคามความมั่นคงของทั้ง 2 ชาติ ซึ่งหลังจากดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดสมัยที่ 3 อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในจีนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง (Xi Jinping) ได้เดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกที่รัสเซียเพื่อพบกับปูติน
บรรดานักคิด-นักเขียนแนวชาตินิยมซึ่งมีพื้นที่ในสื่อมวลชนกระบอกเสียงของรัฐบาลจีน สนับสนุนความพยายามของ ปธน.ปูติน ในการปราบกบฎ แต่ก็เริ่มมีบางคนตั้งคำถามว่า จีนยังควร “ทุ่มหมดหน้าตัก” ให้กับรัสเซียต่อไปหรือไม่ อาทิ เสินติงลี่ (Shen Dingli) ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า จีนควรระมัดระวังคำพูดและการกระทำของตนเกี่ยวกับรัสเซียให้มากขึ้น หรือบางคนก็ไปไกลกว่านั้น โดย หยางจุน (Yang Jun) อาจารย์มหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์จีน ในกรุงปักกิ่ง แนะนำให้จีนหันไปสนับสนุนยูเครน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรัสเซียลากไปติดหล่มในสงคราม
ในวันที่ 24 มิ.ย. 2566 เลี่ยนเหอ เจ้าเปา (Lianhe Zaobao) หนังสือพิมพ์ภาษาจีนในสิงคโปร์ เผยแพร่บทความของหยางจุน ซึ่งตอนหนึ่งระบุว่า “ด้วยพัฒนาการของสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มของสงคราม จีนควรปรับจุดยืนของตนต่อรัสเซียและยูเครนต่อไป ทำให้ท่าทีชัดเจนขึ้น และยืนหยัดอย่างเด็ดขาดในฝั่งของผู้ชนะในประวัติศาสตร์” อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวยังไม่สามารถติดต่อกับหยางขุนได้ จึงยังไม่มีความชัดเจนว่าบทความดังกล่าวเขียนขึ้นก่อนเหตุการณ์กบฎวากเนอร์หรือไม่ อย่างไรก็ตาม นักวิชาการในจีนคนอื่นๆ ไม่เชื่อว่าเหตุการณ์กบฎวากเนอร์จะทำให้จีนเปลี่ยนท่าทีต่อรัสเซีย
จีนเป็นคู่ค้าอันดับต้นๆ ของรัสเซีย โดยจีนส่งออกทุกอย่างไปรัสเซียตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงสมาร์ทโฟน และนำเข้าน้ำมันดิบราคาถูกจากรัสเซียซึ่งถูกคว่ำบาตรจากส่วนอื่นๆ ของโลก แต่แม้กระทั่งในภาคพลังงานซึ่งกระตุ้นการค้าระหว่างรัสเซียและจีนให้พุ่งขึ้นร้อยละ 40 ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 จีนก็มีสัญญาณบางอย่างที่น่าระวัง ถึงกระนั้น ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทพลังงานของรัฐของจีนมักกล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะแสดงความคิดเห็นหรือเลี่ยงคำถามเกี่ยวกับการลงทุนใหม่ในรัสเซีย
มิคาล เมดัน (Michal Meidan) หัวหน้าฝ่ายวิจัยพลังงานของจีน สถาบันอ็อกซ์ฟอร์ดเพื่อการศึกษาด้านพลังงาน ในเมืองอ็อกซ์ฟอร์ดของอังกฤษ กล่าวว่า หากรัสเซียแพ้สงครามหรือเห็นการเปลี่ยนแปลงผู้นำในประเทศ ก็จะสร้างความไม่แน่นอนอย่างมากให้กับนักลงทุนชาวจีน และน่าสังเกตว่ารัฐบาลจีนดูเหมือนจะใช้ความระมัดระวังเช่นกัน เห็นได้จากการที่ยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงสำหรับท่อส่งก๊าซใหม่ที่สำคัญที่เชื่อมระหว่างประเทศต่างๆ แม้ว่าจะได้รับการผลักดันจากรัสเซียก็ตาม
ในขณะที่จีนมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย การค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ สหภาพยุโรป (EU) และญี่ปุ่น ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดเกี่ยวกับสงครามรัสเซียในยูเครน ทำให้การติดต่อกับรัสเซียดูเหมือนแคระแกร็น โดย เหวิน-ตี้ซุง (Wen-Ti Sung) อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย กล่าวว่า ตอนนี้จีนมีเหตุผลมากหากจะต้องจองมากขึ้น และกลายเป็นธุรกรรมมากขึ้นในการติดต่อกับรัสเซียภายใต้การปกครองของปูติน ไม่มีประโยชน์ที่จะลงทุนระยะยาวกับคนที่อาจไม่อยู่รอดในระยะยาว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี