วอนทางการ"แวนคูเวอร์"แยกแยะผู้ค้าคนละส่วน หลังงัดยาแรงจ่อปิดตลาด เหตุขายของลามล้นไปบนทางเท้า
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 The Vancouver Sun นสพ.ท้องถิ่นในเมืองแวนคูเวอร์ของแคนาดา เสนอข่าว Observers fear 'chaos' if DTES street market shut down by city ระบุว่า บรรดาพ่อค้า-แม่ค้าที่อาศัยพื้นที่ว่างเชื่อมระหว่างหมู่ตึกในย่านดาวน์ทาวน์ฝั่งตะวันออก (Downtown Eastside) บริเวณถนนอีสท์ เฮสติง (East Hastings) เมืองแวนคูเวอร์ จัดตั้งเป็นตลาดขายสินค้า กำลังรู้สึกกังวลเนื่องจากทางการจะไม่อนุญาตให้ทำการค้าต่อไปอีก โดยสัญญาเช่าล่าสุดกำลังจะสิ้นสุดลงในเดือน ส.ค. 2566
ทางการเมืองแวนคูเวอร์ ให้เหตุผลว่า ความแออัดรอบพื้นที่และการล้นของร้านค้าออกมาบนทางเท้าได้สร้างความกังวลด้านความปลอดภัยสำหรับคนเดินเท้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยในการเคลื่อนที่ ซึ่งสาเหตุมาจากมีผู้ค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปตั้งแผงค้าอยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม ทางการกำลังทำงานร่วมกับผู้ให้บริการพื้นที่ เพื่อหาสถานที่อื่นและพยายามแจ้งให้ผู้คนทราบล่วงหน้าให้ปฏิบัติตามข้อบังคับที่ห้ามขายของบนทางเท้า อย่างไรก็ตาม หากหลังจากความพยายามนี้ บุคคลปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามอาจถูกอายัดสิ่งของหรือนำไปกำจัดหากมีการละทิ้งสิ่งของ
ในวันที่ 6 ก.ค. 2566 ตำรวจแวนคูเวอร์ยึดมีดจากชายที่ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ได้ขอให้ผู้หญิงที่ขายของบนถนนช่วยย้ายออกจากทางเท้า อย่างไรก็ตาม เบรนท์ สโคโรโบฮัช (Brent Skorobohach) ผู้ประสานงานของ Binners’ Project องค์กรไม่แสวงหากำไรที่ได้รับสัญญาจากเมืองให้ดูแลพื้นที่ตลาดตั้งแต่ปี 2565 เรียกร้องให้ทางเมืองแยกแยะระหว่างผู้ค้าที่อยู่ในตลาดกับที่ขายของบนทางเท้า เพราะเป็นคนละส่วนกัน
ตลาดปิดชั่วคราวเมื่อเดือน มิ.ย. 2566 หลังจากการโจมตีเป้าหมายเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2566 ด้วยการใช้สเปรย์ไล่หมีและอาวุธอื่นๆ ก่อนจะกลับเปิดให้บริการอีกครั้งในสัปดาห์นี้ โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 กำลังตรวจสอบกระเป๋าของทุกคนที่เข้ามาในตลาดในเช้าวันที่ 6 ก.ค. 2566 ซึ่ง สโคโรโบฮัช กล่าวว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาที่ตลาดไม่เคยเกิดเรื่อง กระทั่งมีเหตุทะเลาะวิวาทของคน 2 กลุ่ม ที่ไม่เกี่ยวกับผู้ค้าแต่อย่างใด
โครงการ Binners’ จ้างเจ้าหน้าที่จากชุมชนเพื่อตรวจสอบจักรยาน เครื่องมือ อาวุธ และยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายการสิ่งของที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาขายในตลาด ขณะที่การขายเสื้อผ้าหรือสินค้าอื่นๆ ที่มีป้ายราคา ผู้ขายต้องมีหลักฐานใบเสร็จรับเงิน ส่วนกรณีที่ทางกสนเมืองแวนคูเวอร์เตรียมจัดหาพื้นที่อื่นทดแทน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีพื้นที่นั้นหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่จะใช้ตัวเลือกทั้งหมดที่เป็นไปได้ทั้งหมด แต่ปัจจุบันไม่ได้คาดการณ์ถึงสถานที่ที่เหมาะสม
“ความโกลาหลอย่างแท้จริงจะแตกออกหากตลาดปิดตัวลงอย่างถาวร เมืองนี้ต้องดำเนินต่อไป มิฉะนั้นจะเป็นสถานการณ์ที่อันตราย ซึ่งพ่อค้า-แม่ค้าจะหันไปใช้วิธีขายสินค้าตามท้องถนน คุณจะมีพ่อค้าแม่ค้าวัย 80 ปีของเราที่นี่ขายเสื้อผ้าที่ถูกสับเละระหว่างชายที่เคยลักขโมยเธอมาก่อนและจะทำอีกครั้ง และทำกับผู้ที่เปราะบางอื่นๆ ในชุมชนทันทีที่พวกเขามีโอกาส” สโคโรโบฮัช กล่าว
รายงานข่าวได้บรรยายบรรยากาศของตลาดในย่านนี้ว่า เวลา 09.00 น. ของทุกเช้า พื้นที่ว่างเปล่าระหว่างหมู่ตึกในย่านดาวน์ทาวน์ฝั่งตะวันออกจะเริ่มพลุกพล่านด้วยพ่อค้-าแม่ค้าที่ตั้งโต๊ะขายโทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า และสินค้าอื่นๆ อาทิ เจสัน เทย์เลอร์ (Jason Taylor) ชายวัย 54 ปี ขายของอยู่บริเวณตลาดเลขที่ 26 ถนนอีสท์ เฮสติง ซื้อไพ่ฮอกกี้ พวงกุญแจสะสม ตุ๊กตาหัวโต และแผ่นดีวีดีจำนวนมากในราคาลดพิเศษจากผู้ค้าปลีกหรือจากเว็บไซต์รวมสินค้ามือสองอย่าง eBay แล้วนำมาขายต่อ
เทย์เลอร์ กล่าวว่า ที่นี่ช่วยให้ตนดูแลตัวเองได้ และยอมรับว่าขายของสะสมโดยไม่ได้จ่ายค่าใบอนุญาตขายของมูลค่า 1,000 เหรียญแคนาดา (ประมาณ 27,000 บาท) เพราะไม่สามารถจ่ายไหว หนุ่มใหญ่รายนี้ใช้เงินไม่กี่ร้อยเหรียญที่หามาได้ในวันที่อากาศดีเพื่อเสริมความช่วยเหลือด้านความทุพพลภาพ ครอบคลุมค่าเช่าพื้นที่และค่าสินค้า ซึ่งหลายคนที่ขายสินค้ามือสองในตลาดนั้นไม่สามารถทำงานในรูปแบบการจ้างงานแบบดั้งเดิมได้เนื่องจากข้อจำกัดด้านสุขภาพหรือชีวิต รวมถึงความผิดปกติของการใช้สารเสพติด ความเจ็บป่วยทางจิต หรือไม่มีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมาย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี