สายเขียว‘เยอรมนี’เฮลั่น!!! รัฐบาลจ่อปลดล็อค‘กัญชา’พ้นยาเสพติดให้โทษ รวมทั้งอนุญาตให้ปลูกได้สูงสุดไม่เกิน 3 ต้น โดยผ่านกม.ควบคุม
16 ส.ค. 2566 สำนักข่าว Deutsche Welle ของเยอรมนี เสนอข่าว Germans stage rally demanding legalization of cannabis ระบุว่า รัฐบาลเยอรมนีกำลังวางแผนที่จะทำให้กัญชาถูกกฎหมาย โดยอาจอนุญาตให้ผู้ใหญ่ครอบครองกัญชาได้มากถึง 25 กรัม และปลูกได้สูงสุด 3 ต้นเพื่อใช้ส่วนตัว อีกทั้งสามารถปลูกและขายโดยชมรมกัญชาภายใต้กฎที่เข้มงวด รวมถึงในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นกลางและสูงสุด 50 กรัมต่อลูกค้าหนึ่งรายต่อเดือน
คาร์ล เลาเทอบัค (Karl Lauterbach) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เยอรมนี เปิดเผยว่า แนวคิดปลดล็อกกัญชาพ้นจากสิ่งผิดกฎหมาย จะถูกนำเข้าหารือในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า และคาดหวังว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2566 นี้ โดยเชื่อมั่นว่า มาตรการนี้สามารถช่วยลดภาระงานของตำรวจ ระบบกฎหมาย และเรือนจำของประเทศ คิดเป็นจำนวนเงินได้มากกว่า 1 พันล้านยูโร (1.11 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3.8 หมื่นล้านบาท) ต่อปี
อย่างไรก็ตาม กฎหมายที่เสนอนี้ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย รวมถึงจากสมาคมผู้พิพากษาแห่งเยอรมนี (DRB) ซึ่งเชื่อว่าจะมีความยุ่งยากในการสนับสนุน โดย สเวน เรเบห์น (Sven Rebehn) ผู้อำนวยการส่วนกลางของ DRB กล่าวว่า กฎหมายขนาดเล็กมากนี้จำเป็นต้องมีการควบคุมในระดับสูง ซึ่งจะนำไปสู่ข้อพิพาทใหม่จำนวนมากและนำไปสู่การดำเนินคดีมากมายในศาล อีกทั้งแก้ปัญหายาเสพติดในตลาดมืดได้เพียงเล็กน้อย
รายงานของสื่อเมืองเบียร์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2566 ประชาชนหลายร้อยคนเข้าร่วมการชุมนุมสนับสนุนให้กัญชาถูกกฎหมาย ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในกรุงเบอร์ลิน ซึ่งเกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนที่ ครม. เยอรมนี จะหารือกันเกี่ยวกับร่างกฎหมายที่จะยกเลิกการห้ามใช้ยาเสพติด ข้อมูลจากทางตำรวจระบุว่า มีผุ้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 500-600 คน คิดเป็นเพียง 1 ใน 3 ของผู้เข้าร่วมในปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 1,500 คน
ขบวนพาเหรดเริ่มต้นด้วยการชุมนุมที่ Rotes Rathaus (โรส ลาธัส-ศาลากลางสีแดง) ของเมือง และเส้นทางการประท้วงรวมถึงถนน อุนเตอร์ เด็น ลินเด็น (Unter den Linden) ซึ่งเป็นย่านรวมหน่วยงานของรัฐ และที่ อเล็กซานเดอร์แพลตซ์ (Alexanderplatz) การเดินขบวนนี้จัดมาตั้งแต่ปี 2540 เรียกร้องให้รัฐบาลปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษ เปิดโอกาสให้การใช้กัญชาทางการแพทย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์จากกัญชงอันเป็นพืชที่คล้ายกับกัญชา
ขณะที่เมื่อช่วงต้นเดือน ส.ค. 2566 อเล็กซานเดตอร์ พอทซ์ (Alexander Poitz) รองประธานสหภาพตำรวจเยอรมนี (GdP) ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงว่า หากมีกฎหมายใหม่เกิดขึ้นจริงจะสร้างภาระงานให้กับตำรวจมากขึ้น ร่างกฎหมายขาดความแม่นยำและการมองการณ์ไกล ไม่มีจุดใดในเอกสารฉบับร่างที่ชัดเจนว่าจะต้องจัดการความพยายามด้านเทคนิคและบุคลากรที่เพิ่มขึ้นของตำรวจและหน่วยงานอื่นๆ อย่างไร
กฎหมายที่วางแผนไว้จะอนุญาตให้ผู้คนสูบกัญชาในที่สาธารณะได้ แต่ห้ามสูบภายในระยะ 200 เมตรจากโรงเรียน ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก สนามเด็กเล่น หรือสนามกีฬา ซึ่ง พอทซ์ กล่าวอย่างประชดประชันว่า ตนหวังว่ากระทรวงสาธารณสุขของรัฐบาลกลางไม่คิดว่าเพื่อนร่วมงานของเราจะวัดระยะทาง 200 เมตรที่จำเป็นระหว่างผู้บริโภคกับศูนย์รับเลี้ยงเด็กด้วยเทปวัด
ด้านพรรค FDP ซึ่งเป็นพรรคเล็กที่สุดในกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเยอรมนี ก็ได้วิพากษ์วิจารณ์แนวคิดนี้เช่นกัน ในเดือน ก.ค. 2566 คริสติน ลุทเก (Kristine Lütke) โฆษกด้านนโยบายยาและสิ่งเสพติดของพรรค กล่าวว่า ในรูปแบบปัจจุบัน มันจะสร้างอสุรกายของระบบบริหารจองรัฐจริงๆ ที่ควบคุมได้ยาก สมาชิกรัฐสภาของพรรค FDP ปฏิเสธอย่างหนักแน่นถึงขีดจำกัดสูงสุดสำหรับการครอบครอง อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครควบคุมจำนวนขวดไวน์ที่ใครบางคนเก็บในห้องใต้ดิน และเรียกร้องให้มีกฎระเบียบที่ได้สัดส่วนและถูกต้องซึ่งให้ความคุ้มครองอย่างแท้จริงแก่เยาวชน และในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ทำให้เกิดภาระเพิ่มเติมแก่ตำรวจและศาล
ขอบคุณเรื่องจาก https://www.dw.com/en/germans-stage-rally-demanding-legalization-of-cannabis/a-66517257
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี