สหประชาชาติ (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส) - ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าววานนี้ต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอสซี ประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซียว่าเป็นการก่ออาชญากรรมและเรียกร้องให้สหประชาชาติถอดถอนอำนาจในการใช้สิทธิยับยั้งของรัสเซียในยูเอ็นเอสซี

ในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวาระการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้รับเชิญให้เข้าร่วม แม้ทูตของรัสเซียได้คัดค้านว่าไม่ควรให้สิทธินี้แต่ประธานหมุนเวียนของคณะมนตรี คือ นายกรัฐมนตรี เอดิ รามา ของแอลเบเนีย ปฏิเสธโดยกล่าวว่า เรื่องนี้มีทางออกคือ ผู้นำยูเครนไม่ต้องขึ้นพูดก็ได้ แต่รัสเซียต้องยุติสงครามก่อน

ในเวลาต่อมา เซเลนสกีกล่าวว่า ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกยอมรับความจริงเกี่ยวกับสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ซึ่งเป็นการก่ออาชญากรรมและการรุกรานของรัสเซียโดยที่ไม่มีการยั่วยุใดๆจากยูเครน โดยมีเป้าหมายเพื่อยึดเอาดินแดนและทรัพยากรของยูเครน นายเซเลนสกียังได้เรียกร้องให้ยูเอ็นเอสซี ลงมติเพื่อถอดถอนอำนาจในการใช้สิทธิยับยั้งของรัสเซียในยูเอ็นเอสซี โดยที่รัสเซียมีอำนาจนี้เช่นเดียวกับ อังกฤษ จีน ฝรั่งเศสและสหรัฐ ที่เป็นสมาชิกถาวรของยูเอ็นเอสซี ซึ่งอำนาจนี้สามารถยับยั้งมติใดๆ ของยูเอ็นเอสซีได้ทั้งหมด ผู้นำยูเครนยังกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวเรื่องนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปยูเอ็นเอสซี ที่จะมีการขยายสมาชิกถาวรให้ครอบคลุมประเทศกำลังพัฒนาด้วย

เซเลนสกีกล่าวว่า อำนาจยับยั้งที่อยู่ในมือของผู้รุกรานทำให้สหประชาชาติประสบกับทางตัน ไม่สามารถยุติสงครามได้เนื่องจากความพยายามต่างๆ จะถูกประเทศผู้รุกรานยับยั้ง เขายังย้ำอีกว่า อำนาจยับยั้งของรัสเซียเป็นของสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ใช่เป็นของประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน

ด้าน เซอร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งร่วมประชุมอยู่ด้วย ตอบโต้ว่า รัสเซียใช้สิทธิยับยั้งเพื่อเป็นเครื่องมือด้านการต่างประเทศที่ชอบธรรม ตามที่กำหนดไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ เขายังได้กล่าวหาชาติตะวันตกว่า เลือกปฏิบัติ ด้วยนำหลักการของสหประชาชาติไปใช้เพื่อตอบสนองความต้องการตนเอง จนไปทำลาย
สเถียรภาพของโลกและเกิดความตึงเครียดขึ้น

ลาฟรอฟยังระบุว่า กลุ่มตะวันตกคอยสุมไฟความขัดแย้งในยูเครนมานาน และผลักดันให้รัฐบาลยูเครนต้องเข้าสู่ ภาวะความขัดแย้งทางทหารกับรัสเซียในที่สุด พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า รัฐบาลมอสโกพร้อมเจรจาเสมอ แต่ยูเครนปฏิเสธเอง เนื่องจากเซเลนสกีลงนามในกฎหมายห้ามการเจรจา กับรัฐบาลของประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน

ในวงประชุมเดียวกันนี้ รัสเซียยังถูกหลายชาติประณาม ที่ก่อสงครามรุกรานยูเครน ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐและฝรั่งเศสที่ต่างเป็นสมาชิกถาวรเช่นกัน ด้านญี่ปุ่นที่ไม่ได้เป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคง ก็ได้ใช้โอกาสประณามรัสเซียเช่นกัน โดยนายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ ผู้นำญี่ปุ่น เปิดแถลงข่าวตำหนิรัสเซียที่รุกรานเพื่อนบ้าน ทั้งๆ ที่เป็นสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคง จึงถือว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นรัสเซียยังสร้างภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ด้วย ญี่ปุ่นจึงเรียกร้องให้ปกป้องกฎหมายและปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์