‘กลุ่มหนุนสิทธิมีปืนมะกัน’ ไม่เชื่อไทยคุมอาวุธมีทะเบียนช่วยลดความรุนแรง-ยกเคสพารากอน‘ปืนเถื่อนดัดแปลง’
5 ต.ค. 2566 เว็บไซต์ bearingarms.com ซึ่งเป็นสำนักข่าวออนไลน์ในเมืองอาร์ลิงตัน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา และมีจุดยืนสนับสนุนสิทธิการครอบครองอาวุธปืนของชาวอเมริกัน เผยแพร่บทความ Thailand shooting leads to calls for action on guns ที่เขียนโดย ทอม ไนท์ตัน (Tom Knighton) นักเขียนนวนิยายที่เป็นอดีตทหารและสื่อมวลชน มีเนื้อหาดังนี้
โดยทั่วไปแล้ว เหตุใหญ่ๆ เกี่ยวกับอาวุธปืนถือเป็นปรากฏการณ์ของชาวอเมริกัน แน่นอนว่าข้อยกเว้นคือการลอบสังหารทางการเมือง เช่นสิ่งที่เราเห็นในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว สิ่งเหล่านั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่และเรายอมรับได้ง่ายเพียงพอ แต่เหตุกราดยิงในประเทศไทยไม่ใช่การลอบสังหารอย่างที่ข่าวพาดหัว เหตุการณ์นี้เองที่ผมเรียกว่าเป็น “การพยายามกราดยิง” ท้ายที่สุดแล้ว มีผู้เสียชีวิตเพียง 2 คน แต่เมื่ออีก 5 คนได้รับบาดเจ็บ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่การโจมตีแบบกำหนดเป้าหมาย แม้ว่าคลังคำกล่าวถึงความรุนแรงจากอาวุธปืนจะเรียกว่าเป็นการกราดยิง แต่ผมจะไม่
ถึงกระนั้น มันก็ยังมีจุดเด่นของสิ่งที่เรามักบอกว่าเป็น “เอกลักษณ์เฉพาะตัวของสังคมอเมริกัน” อย่างไรก็ตาม แนวทางของนายกรัฐมนตรีไทย (เศรษฐา ทวีสิน Srettha Thavisin) ก็ดูคล้ายกันอย่างมากกับสิ่งที่เราเห็นในที่นี้ ในวันที่ 4 ต.ค. 2566 นายกฯ ไทย ให้คำมั่นถึง “มาตรการป้องกัน” หลังจากเหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และตั้งคำถามใหม่ๆ เกี่ยวกับการควบคุมอาวุธปืนขอประเทศไทย
นักช้อปกลับมาคึกคักอีกครั้งในขณะที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนเปิดอีกครั้งภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังเหตุกราดยิง ถือเป็นการโจมตีด้วยปืนที่โด่งดังเป็นอันดับ 3 ของไทยในรอบ 4 ปี เหตุกราดยิงในห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดและหรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ จะกระทบต่อความพยายามของประเทศไทยในการสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่สำคัญขึ้นมาใหม่ภายหลังสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19
นายกฯ ไทย ร่วมยืนสงบนิ่ง 1 นาทีที่ห้างสรรพสินค้า ก่อนแสดงความเสียใจต่อรัฐบาลต่อครอบครัวของเหยื่อหญิง 2 ราย ที่เป็นชาวจีน 1 ราย และชาวเมียนมา 1 ราย “ผมมั่นใจว่าสยามพารากอนและเจ้าหน้าที่ของรัฐได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิตและความเสียหาย” นายกฯ เศรษฐา กล่าว “ให้นี่เป็นครั้งเดียวที่สิ่งนี้เกิดขึ้น รัฐบาลของผมยืนยันว่าเราจะให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันเป็นอันดับแรก” นายกฯ กล่าวเสริมโดยไม่ได้ให้รายละเอียด
ตอนนี้เรามาทำความเข้าใจกันว่าประเทศไทยมีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนค่อนข้างเข้มงวด แต่พวกนั้นก็ไม่ได้ช่วยหยุดยั้งเหตุกราดยิงที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กในไทยเมื่อปีก่อน แล้วก็ไม่ได้หยุดเรื่องนี้ด้วย จริงอยู่ อดีตตำรวจคนหนึ่งทำการยิงครั้งนั้น (เหตุกราดยิงศูนย์รับเลี้ยงเด็ก จ.หนองบัวลำภู ปี 2565) และก่อนหน้าก็มีเหตุกราดยิงโดยทหารในปี 2563 (ห้างเทอร์มินอล 21 จ.นครราชสีมา) ทั้ง 2 คนสามารถเข้าถึงอาวุธปืนได้อย่างถูกกฎหมายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ถูกกระทำโดยบุคคลที่ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงดังกล่าว แต่เขากลับพบวิธีหลีกเลี่ยงกฎหมาย ดังที่ พล.ต.ท. สำราญ นวลมา (Samran Nuanma) ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของไทย เปิดเผยเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2566 ว่า อาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุกราดยิงที่ห้างสยามพารากอน เป็นปืน “แบลงก์กัน (Blank Gun)” ที่โดยสภาพนั้นไม่ใช่อาวุธปืนจริง แต่ถูกนำไปดัดแปลงให้สามารถยิงกระสุนปืนจริงได้
“เราจะเพิ่มกฎระเบียบและกฎหมายเพื่อควบคุมการใช้อาวุธปืน” แต่คำมั่นสัญญาที่ผ่านมาในอดีตที่จะเข้มงวดกฎหมายอาวุธปืนไม่ได้ช่วยให้ป้องกันโศกนาฏกรรมได้ ผมอยากรู้ว่าตอนนี้สามารถลดขนาดลงได้มากเพียงใด นี่ไม่ใช่ปืนที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ยิงเหมือนปืนทั่วๆ ไป มันตั้งใจจะยิงกระสุนเปล่า (มีแต่เสียงและแสงไฟปากกระบอก แต่ไม่มีหัวกระสุนพุ่งออกไป) แต่มันถูกดัดแปลงให้ยิงกระสุนจริง แต่เด็ก (เด็กชายวัย 14 ปี ผู้ก่อเหตุกราดยิงที่สยามพารากอน) ก็นำไปใช้เพื่อพยายามก่อเหตุกราดยิง
ผมไม่แน่ใจว่าประเทศไทยสามารถป้องกันโศกนาฏกรรมในอนาคตได้ด้วยการจำกัดการใช้ปืนมากกว่าที่เป็นอยู่แล้ว แม้ว่าเหตุกราดยิงและการพยายามกราดยิงในประเทศไทยจะพบได้ยากกว่าที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ แม้ว่าคุณจะใช้คำจำกัดความที่แท้จริงเทียบกับคลังคำกล่าวถึงความรุนแรงจากอาวุธปืน แต่โดยทั่วไปแล้วสิ่งเหล่านั้นก็มีอันตรายถึงชีวิตมากกว่าเช่นกัน สิ่งนี้อาจถึงตายได้มากกว่าที่เป็นอยู่ มีเพียงความโชคดีเท่านั้นที่ป้องกันไม่ให้เป็นเช่นนั้น
“และนี่คือแบลงก์กันที่ถูกดัดแปลง ดูเหมือนชัดเจนว่าปืนไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือคนที่ต้องการสังหารผู้บริสุทธิ์” ไนท์ตัน กล่าวทิ้งท้ายในบทความ
ที่มา bearingarms
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี