อินเดียเดือด!!! ม็อบเกษตรกรปะทะตำรวจ หวังฝ่าแนวกั้นเข้าเมืองหลวงเรียกร้องประกันราคาผลผลิต-ดูแลวิถีชีวิต
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 เว็บไซต์นิตยสาร India Today ของอินเดีย เสนอข่าว Tear gas fired again as protesting farmers resume march, approach barricades ระบุว่า กลุ่มเกษตรกรที่ชุมนุมประท้วงและเกิดปะทะกับตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2567 ล่าสุดยังคงเดินขบวนจากรอยต่อระหว่างรัฐปัญจาบ-หรยาณา สู่กรุงนิวเดลีของอินเดีย ขณะที่ฝ่ายตำรวจมีการนำแท่งแบริเออร์คอนกรีตมาวางปิดกั้นเส้นทาง และยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมที่พยายามฝ่าแนวกั้น ขณะที่ในรัฐเดลีและเมืองใกล้เคียง การจราจรบนทางด่วนกลายเป็นอัมพาต จากการตั้งแนวรักษาพื้นที่ของตำรวจ
สื่ออินเดียลำดับเหตุการณ์การปะทะครั้งล่าสุดไว้ดังนี้ โดยเกษตรกรจากปัญจาบปะทะกับตำรวจ คฝ. ของรัฐหรยาณาที่จุดเชื่อมต่อระหว่างรัฐสำคัญสองแห่ง มีการใช้โดรนปล่อยแก๊สน้ำตา ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง และวิธีการอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประท้วงรุกคืบไปยังรัฐเดลี เบื้องต้นมีตำรวจบาดเจ็บ 24 นาย ผู้ชุมนุมบาดเจ็บ 60 คน เจ้าหน้าที่ตั้งแนวกั้นแบริเออร์ทั้งที่เป็นแท่งคอนกรีตและกระสอบทราย และเครื่องดูดลมยาง เพื่อหยุดยั้งผู้ชุมนุม แต่สถานการณ์รุนแรงขึ้นเมื่อผู้ชุมนุมเริ่มขว้างก้อนหินและพยายามรื้อเครื่องกีดขวาง
ฝ่ายผู้ชุมนุมซึ่งเป็นเกษตรกรมีการเตรียมตัวหวังปักหลักประท้วงยาว พบการเตรียมเสบียงอาหารรวมถึงน้ำมันดีเซล สำหรับดำรงชีพอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน อนึ่ง มีความเคลื่อนไหวจากคณะผู้บริหารรัฐปัญจาบ แจ้งเตือนโรงพยาบาลใกล้จุดเชื่อมกับรัฐหรยาณา และเพิ่มจำนวนรถพยาบาล อีกทั้งยังเรียกร้องไปยังคณะผู้บริหารของรัฐหรยาณา งดเว้นจากการใช้กำลังเกินกว่าเหตุกับผู้ประท้วง
ความวุ่นวายในการจราจรปกคลุมกรุงเดลีในวันที่ 13 ก.พ. 2567 เนื่องจากมีสิ่งกีดขวางหลายชั้นและการตรวจสอบรอยต่อพื้นที่อย่างเข้มงวด เนื่องจากการประท้วงของเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เส้นทางถูกปิดกั้นและความแออัดครั้งใหญ่ใกล้จุดเชื่อมบริเวณหมู่บ้านสิงห์ , กาซีปูร์ และชิลลา สถานการณ์ดังกล่าวคาดว่าจะยังคงมีอยู่ในวันที่ 14 ก.พ. 2567 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดลีทางตอนเหนือและตะวันออก โดยการจราจรจำกัดไว้เพียง 2 ช่องทางบนทางด่วน DND ชายแดนสิงห์และติครีมีแนวโน้มที่จะยังคงปิดในวันที่ 14 ก.พ. 2567 ตามคำแนะนำของตำรวจจราจรเดลี
มาตรการรักษาความปลอดภัยกำลังเข้มข้นขึ้นในเดลีเพื่อรอรับมือม็อบเกษตรกร เครื่องกีดขวางและลวดหนามซึ่งถูกสร้างขึ้นที่ชายแดนเดลี กำลังได้รับการเสริมกำลัง หลังจากเห็นผู้ประท้วงพยายามฝ่าวงล้อมรักษาความปลอดภัยที่ชายแดนปัญจาบ-หรยาณาด้วยการยกบล็อกซีเมนต์ออกไป ขณะที่รัฐหรยาณา ประกาศตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตมือถือ การส่ง SMS จำนวนมาก ใน 7 เขตของรัฐ ตั้งแต่วันที่ 11-15 ก.พ. 2567
ในวันที่ 14 ก.พ. 2567 อรชุน มุณฑะ (Arjun Munda) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและสวัสดิการเกษตรกรของอินเดีย ย้ำถึงความพร้อมของรัฐบาลที่จะมีส่วนร่วมในการเจรจากับเครือข่ายเกษตรกร และเรียกร้องให้เกษตรกรรักษาสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยสำหรับการเจรจาที่สร้างสรรค์ และเกษตรกรควรเข้าใจว่าการประท้วงไม่ควรสร้างปัญหาให้กับใครและไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตปกติ
ด้านสำนักข่าว BBC ของอังกฤษ เสนอรายงานพิเศษ Why India farmers are protesting again ว่าด้วยเหตุผลของการชุมนุมประท้วงครั้งล่าสุดของเกษตรกรชาวอินเดีย ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ. 2567 ว่า ก่อนหน้านี้ในปี 2563 กลุ่มเกษตรกรในอินเดียเคยปักหลักประท้วงใหญ่ตลอดทั้งปี ต่อต้านความเคลื่อนไหวของรัฐบาลที่จะแนะนำการปฏิรูปการเกษตรที่เป็นข้อขัดแย้ง ผู้ชุมนุมหลายพันคนตั้งค่ายพักอยู่ที่จุดรอยต่อกับกรุงนิวเดลี ในจำนวนนี้หลายสิบรายเสียชีวิตจากอากาศร้อน อากาศหนาวเย็น และการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
กระทั่งในปี 2564 การชุมนุมจึงได้ยุติลง เมื่อรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี (Narendra Modi) ได้ยกเลิกร่างกฎหมายเกษตรกรรมที่เตรียมนำเสนอ และตกลงที่จะหารือเกี่ยวกับข้อเรียกร้องอื่นๆ ของเกษตรกร รวมถึงมาตรการประกันราคาขั้นต่ำผลผลิตทางการเกษตร และยุติการดำเนินคดีต่อผู้ประท้วง กระทั่งล่าสุดเกษตรกรได้กลับมาชุมนุมประท้วงอีกครั้ง เพื่อทวงสัญญาที่รัฐบาลเคยให้คำมั่นไว้
รายงานของสื่ออังกฤษ สรุปข้อกังวลของเกษตรกรจนนำไปสู่การประท้วงใหญ่ในปี 2563 นั่นคือการที่รัฐบาลเตรียมออกกฎหมาย 3 ฉบับ ที่ผ่อนปรนกฎระเบียบเกี่ยวกับการขาย การกำหนดราคา และการจัดเก็บผลิตผลทางการเกษตร ซึ่งเป็นกฎที่ปกป้องเกษตรกรจากตลาดเสรีมานานหลายทศวรรษ ทำให้เครือข่ายเกษตรกรมองว่า กฎหมายเหล่านี้จะทำให้เกษตรกรเสี่ยงต่อการทำลายวิถีชีวิตและต้องตกอยู่ภายใต้กลุ่มทุนใหญ่ และแม้ในตอนแรก รัฐบาลเชื่อว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกร แต่สุดท้ายก็ต้องถอนร่างทั้งหมดออกไปหลังเกิดการประท้วง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับการยกย่องว่าเป็นชัยชนะของเกษตรกร และยังเป็นตัวอย่างอันทรงพลังว่าการประท้วงครั้งใหญ่ยังคงท้าทายรัฐบาลได้สำเร็จ แต่เกษตรกรไม่ได้ออกจากสถานที่ประท้วงทันทีและยังคงประท้วงต่อไปจนกว่ารัฐบาลจะส่งหนังสือยืนยันอย่างเป็นทางการให้พวกเขา โดยยอมรับข้อเรียกร้องอื่นๆ มากมาย ซึ่งรัฐบาลยังตกลงที่จะจ่ายค่าเยียวยาให้กับครอบครัวเกษตรกรที่เสียชีวิตระหว่างการประท้วงด้วย ส่วนเรื่องประกันราคาผลผลิต รัฐบาลสัญญาว่าจะจัดตั้งคณะกรรมการซึ่งจะรวมถึงตัวแทนจากรัฐบาลกลางและรัฐบาลของมลรัฐ นักวิชาการด้านการเกษตร และตัวแทนเครือข่ายเกษตรกร
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเกษตรกรยังคงกังวลว่ารัฐบาลจะไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้ระหว่างการประท้วงปี 2563-2564 เกษตรกรยังเรียกร้องมาตรการบำนาญ ให้ยกหนี้สิน ดำเนินคดีกับผู้ขายเมล็ดพันธุ์พืช ยาฆ่าแมลง และปุ๋ยปลอม ตลอดจนเพิ่มจำนวนวันทำงานภายใต้โครงการประกันการจ้างงานในชนบทเป็นสองเท่าเป็น 200 วัน รวมถึงให้อินเดียถอนตัวจากองค์การการค้าโลก (WTO) และยกเลิกข้อตกลงการค้าเสรีทั้งหมด
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า เกษตรกรเป็นกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในอินเดีย และนักวิเคราะห์กล่าวว่า รัฐบาลไม่ต้องการจัดการพวกเขาในทางที่ผิดเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่อินเดียจะจัดการเลือกตั้งทั่วไป การเดินขบวนของเกษตรกรได้หวนรำลึกถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงของอินเดียระหว่างการประท้วงหนก่อนหน้า ส่งผลให้ชีวิตบริเวณรอยต่อของรัฐเดลีต้องหยุดชะงักเป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกัน จนถึงขณะนี้ รัฐบาลของนายกฯ โมดี ได้เจรจารอบใหม่กับแกนนำม็อบเกษตรกร แล้ว 2 รอบ อย่างไรก็ตาม เกษตรกรเรียกการเจรจาดังกล่าวว่าเป็นเพียงการซื้อเวลา และปฏิเสธที่จะยุติการประท้วง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี