28 กุมภาพันธ์ 2567 นสพ.The Guardian ของอังกฤษ รายงานข่าว School uniforms return to French town in pilot scheme to tackle inequality ระบุว่า ที่เมืองเบซิเยอร์ (Beziers) ในภาคใต้ของฝรั่งเศส นักเรียนราว 700 คน จาก 4 โรงเรียน เริ่มแต่งเครื่องแบบนักเรียนไปเรียนตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง 4 โรงเรียน อยู่ในโครงการนำร่องของรัฐบาลเมืองน้ำหอม ที่ต้องการทดลองว่า การแต่งเครื่องแบบนักเรียนช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในโรงเรียน รวมถึงปรับปรุงพฤติกรรมของนักเรียนได้หรือไม่ โดยหากได้ผลดีก็จะขยายผลบังคับใช้ทั่วประเทศต่อไป
กฎระเบียบว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียนไม่มีการบังคับใช้ในฝรั่งเศสมาตั้งแต่ปี 2511 กระทั่งเมื่อรัฐบาลชุดปัจจุบันปัดฝุ่นเรื่องนี้ขึ้นมา ในเบื้องต้น นิโคล เบลลูเบต์ (Nicole Belloubet) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของฝรั่งเศส เปิดเผยว่า มีโรงเรียน 92 แห่งได้ลงนามให้ความร่วมมือในการทดลองนี้ อย่างไรก็ตาม ที่เมืองบซิเยอร์นั้นแตกต่างออกไป คนส่วนใหญ่รอบคอบเกี่ยวกับเรื่องนี้มากกว่า สิ่งที่การทดลองอยากเห็นก็คือ การสวมเครื่องแบบสามารถสร้างความเงียบสงบในห้องเรียนได้หรือไม่ ซึ่งการเรียนรู้จะทำได้ดีขึ้นในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ
ในช่วงวันหยุดครึ่งเทอม นักเรียนในเมืองเบซิเยร์ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มขวาสุดและมีอัตราการว่างงานสูง ได้รับเชิญให้มากับผู้ปกครองเพื่อรับชุดนักเรียนของตน ประกอบด้วย เสื้อเบลเซอร์สีน้ำเงินกรมท่าที่มีโลโก้โรงเรียน เสื้อโปโลสีขาว 2 ตัว เสื้อสวมหัวสีเทา กางเกงขายาว 1 ตัว กางเกงขาสั้นสำหรับเด็กผู้ชายหรือกระโปรงสำหรับเด็กผู้หญิง หน่วยงานด้านการศึกษาของเมืองและท้องถิ่นจัดสรรค่าใช้จ่าย 200 ยูโร (171 ปอนด์ หรือ 7,866 บาท) สำหรับชุดเครื่องแบบแต่ละชุด
โรแบร์ เมนาร์ด (Robert Menard) นายกเทศมนตรีเมืองเบซิเยร์ ให้ความเห็นว่า เครื่องแบบนักเรียนจะช่วยลดปัญหาการกลั่นแกล้งรังแกกันได้ ที่ผ่านมาการแต่งกายแตกต่างกันตามฐานะร่ำรวยหรือยากจน แต่ ณ วันนี้ ภาพเหล่านั้นจะมองเห็นได้น้อยลง ถึงกระนั้น สหภาพครู SE-Unsa มองว่า เป็นการตอบสนองอย่างผิวเผินต่อปัญหาพื้นฐาน และจะไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาและความล้มเหลวของนักเรียนได้ ขณะที่นักวิจารณ์รวมถึงผู้ปกครองนักเรียนส่วนหนึ่ง เสนแนะว่า เงินนี้ควรจะนำไปใช้ในด้านการศึกษาสาธารณะด้านอื่นๆ ดีกว่า
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ที่เมืองมาร์เซย (Marseille) มีโรงเรียนแห่งหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการให้นักเรียนแต่งเครื่องแบบไปเรียน แต่พบว่าร้อยละ 66 ของนักเรียนในโรงเรียนดังกล่าวไม่เห็นด้วย ขณะที่ในหมู่บ้านพลุยซี (Plouisy) ในภูมิภาคบริททานี นายกรัฐมนตรีซึ่งมาจากพรรคเรเนอซองส์ พรรคการเมืองเดียวกับ เอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนปัจจุบัน ในตอนแรกได้เข้าร่วมโครงการนำร่องนี้ด้วย แต่ท้ายที่สุดต้องถอนตัวออกไป หลังผู้ปกครองนักเรียนพากันแสดงความไม่พอใจ โดยข้อความในจดหมายเปิดผนึกของกลุ่มผู้ปกครอง ย้ำว่า เครื่องแบบนักเรียนไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและการเลือกปฏิบัติ
มิเชล ทอนเดลิเยร์ (Michel Tondellier) อาจารย์ด้านสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยอองทีลส์ (Antilles University) ซึ่งเคยเขียนหนังสือว่าด้วยเครื่องแบบ กล่าวว่า เด็กยากจนแม้จะสวมเครื่องแบบก็ยังคงเป็นเด็กยากจน นโยบายประเภท “เสื้อเหมาโหล (One-size-fits-all)” ไม่อาจขจัดความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจและสังคม แต่ทำได้เพียงลดทอนแง่มุมที่มองเห็นได้มากที่สุดเท่านั้น
เครื่องแบบนักเรียนถูกนำมาใช้ในฝรั่งเศสเมื่อปี 2345 โดย นโปเลียน โบนาปาร์ด (Napoleon Bonaparte) จักรพรรดิและนักการทหารผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งต้องการปลูกฝังระเบียบวินัยแบบทหารในระบบการศึกษามากขึ้น เครื่องแบบนักเรียนในเวลานั้นได้รับการออกแบบโดยอิงกับเครื่องแบบทหาร กระทั่งปี 2511 ฝรั่งเศสก็ไม่ได้บังคับใช้ระเบียบเรื่องนี้อีก อย่างไรก็ตาม ในปี 2546 เริ่มมีการหยิบยกขึ้นมาตั้งคำถามว่า สมควรให้นักเรียนเมืองกลับไปสวมเครื่องแบบอีกครั้งหรือไม่ แต่รัฐบาลในขณะนั้นก็ไม่ได้สนับสนุนแนวคิดดังกล่าว
ในการเลือกตั้งใหญ่ของฝรั่งเศสเมื่อปี 2559 ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ฟิยง (François Fillon) ซึ่งมีแนวคิดแบบฝ่ายขวา รวมถึง มารีน เลอ แปง (Marine Le Pen) นักการเมืองที่มีแนวคิดขวาจัด ต่างชูนโยบายบังคับแต่งชุดนักเรียนในการหาเสียง เช่นเดียวกับ กาเบรียล แอททาล (Gabriel Attal) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ บริจิต มาครง (Brigitte Macron) อดีตครูสอนการแสดง ซึ่งเป็นภริยาของประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ก็สนับสนุนกฎการแต่งเครื่องแบบไปเรียน
บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองของนักเรียนในฝรั่งเศส ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับประโยชน์ของการแนะนำเครื่องแบบ ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าจะนำไปสู่ความเท่าเทียมกันที่ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่อีกฝ่ายก็ชี้ว่า ความไม่เท่าเทียมกันยังสามารถแสดงออกมาได้ในสิ่งของต่างๆ เช่น รองเท้า ผ้าพันคอ โทรศัพท์มือถือ และเป้สะพายหลัง รวมถึงแนะนำให้รัฐใช้งบประมาณไปกับการเพิ่มค่าจ้างและฝึกอบรมครูจะดีกว่า
ขอบคุณเรื่องจาก : https://www.theguardian.com/world/2024/feb/26/school-uniforms-return-to-french-town-as-part-of-pilot-scheme
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี