บัลติมอร์ (เอพี/รอยเตอร์ส/ซีเอ็นเอ็น) - เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เริ่มดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์เรือสินค้าชนสะพานในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์พังถล่มลงแม่น้ำเมื่อคืนวันจันทร์ ซึ่งทำให้คนงานก่อสร้างเสียชีวิต 6 ศพ
เจ้าหน้าที่สอบสวนจากหลายหน่วยงานได้ขึ้นไปยังเรือต้าหลี่ เรือสินค้าติดธงสิงคโปร์ลำเกิดเหตุ เพื่อเก็บข้อมูลจากกล่องบันทึกข้อมูลการเดินทาง หรือ Voyage Data Recorder (VDR) ที่มีลักษณะคล้ายกล่องดำของเครื่องบินไว้แล้ว หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ระบุว่า บนเรือลำนี้มีน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่มากกว่า 1.5 ล้านแกลลอน หรือ 5.68 ล้านลิตร และมีสินค้าที่จัดเป็นวัตถุอันตรายอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง แต่ขณะนี้ไม่พบว่ามีอันตรายต่อสาธารณชน ส่วนคนบนเรือมีทั้งหมด 23 คน เป็นกัปตัน 2 คนและลูกเรืออีก 21 คน ทั้งหมดเป็นชาวอินเดีย ไม่ได้รับบาดเจ็บและยังคงอยู่บนเรือ
นอกจากนี้ มีการเปิดเผยเสียงสนทนาผ่านวิทยุสื่อสาร ก่อนที่เรือสินค้าจะพุ่งชนสะพาน ฟรานซิส สกอตต์ คีย์ ซึ่งเป็นการพูดคุยระหว่างเจ้าหน้าที่ซึ่งประสานงานกันกลางดึก เพื่อให้ปิดสะพานไม่ให้รถขึ้น จากทั้ง 2 ฝั่ง รวมถึงให้เคลียร์รถและคนลงจากสะพานทั้งหมด ซึ่งในจำนวนนี้มีกลุ่มคนงานก่อสร้างรวมอยู่ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่มีเวลาเพียงประมาณ 90 วินาทีเท่านั้น ก่อนที่เรือจะพุ่งชนตอม่อสะพาน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินเรือทะเลจากมหาวิทยาลัยแคมป์เบลล์บอกว่า การสอบสวนจะมุ่งเน้นไปที่การหาสาเหตุที่ทำให้ไฟฟ้าดับบนเรือต้าหลี่ ตามที่มีรายงานก่อนหน้านี้ว่า เรือประสบเหตุไฟฟ้าดับแบบกะทันหัน ทำให้เรือสูญเสียแรงขับชั่วคราว ก่อนที่เรือจะพุ่งชนเสาค้ำยันสะพานบริเวณปากอ่าวบัลติมอร์ จนสะพานพังถล่มลงมาทั้งหมด
นอกจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวสะพานแล้ว ยังมีคนงานที่กำลังซ่อมผิวถนนอยู่บนสะพานร่วงลงไปในแม่น้ำ 8 คน ในจำนวนนี้ได้รับการชีวิตเอาไว้ได้ 2 คน ส่วนอีก 6 คนเสียชีวิต ทีมนักประดาน้ำได้นำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาได้แล้ว 2 ศพ แต่การค้นหาอีก 4 ศพที่เหลือต้องระงับไปก่อน เนื่องจากบริเวณที่ค้นหามีความไม่ปลอดภัยจากโครงสร้างของสะพานที่จมอยู่ในน้ำซึ่งไม่มั่นคงแข็งแรง และอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีรถยนต์อีกจำนวนหนึ่งที่ติดอยู่กับซากสะพานด้วย
ขณะที่การเก็บกู้ซากสะพานเพื่อเปิดเส้นทางเดินเรือผู้ชี่ยวชาญมองว่าอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน แต่ไม่น่าจะถึงปีเพราะมีเทคโนโลยีในการเก็บกู้ชิ้นส่วนหรือเหล็กกล้า โดยภาพที่ถ่ายเมื่อวันพุธ พบว่ามีเรือจำนวนมากทอดสมอรออยู่ทั้งขาเข้าและขาออกจากท่าเรือบัลติมอร์ ซึ่งเป็นท่าเรือใหญ่อันดับ 9 ของสหรัฐฯ ส่วนการสืบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการคมนาคมและขนส่งแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NTSB บอกว่าอาจใช้เวลา 12-24 เดือน
เหตุการณ์เรือชนสะพานครั้งนี้ทำให้ท่าเรือบัลติมอร์ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าเรือสำคัญทางชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ต้องปิดทำการ ทำให้เกิดความกังวลต่อห่วงโซ่อุปทานของโลก โดยเฉพาะการขนส่งยานยนต์ โดยเมื่อปีที่แล้ว มีรถยนต์และยานยนต์ต่างๆ ที่ถูกขนส่งผ่านท่าเรือบัลติมอร์มากกว่า 750,000 คัน นอกจากนี้ ยังเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าเกษตรและเครื่องจักรกลในการก่อสร้างอีกด้วย
นักวิเคราะห์จาก Morningstar DBRS ที่เชี่ยวชาญด้านการจัดอันดับการประกันภัยในระดับโลก ระบุว่า เหตุสะพานถล่มจากเรือสินค้าชนครั้งนี้ อาจทำให้บริษัทประกันภัยต้องจ่ายค่าสินไหมชดเชยสูงถึงระหว่าง 2,000 - 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเป็นค่าเสียหายที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในอุบัติเหตุการเดินเรือ ส่วนตัวเลขความเสียหายต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่สะพานและเส้นทางเดินเรือใช้การไม่ได้ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับผลกระทบต่อการเดินเรือที่ท่าเรือบัลติมอร์ จึงทำให้ยังประเมินความเสียหายแน่ชัดไม่ได้ แต่เป็นไปได้ว่า ค่าสินไหมทดแทนจะแซงหน้าเหตุเรือสำราญ Costa Concordia อับปางนอกชายฝั่งอิตาลีเมื่อปี 2012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี