“อิหร่าน” ใช้โดรนติดระเบิดและขีปนาวุธ หลายร้อยลูก เปิดฉากถล่ม “อิสราเอล” โลกร่วมประณามอิหร่าน หวั่นสงครามบานปลาย UNSC นัดประชุมฉุกเฉินรับมือสถานการณ์ “พิพัฒน์” เผยยังไม่พบแรงงานไทยบาดเจ็บ กำชับทูตแรงงานฯ ดูแลใกล้ชิด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ (14 เมษายน ตามวันเวลาท้องถิ่น) อิหร่านได้ใช้โดรนติดระเบิดและขีปนาวุธระดมโจมตีอิสราเอล โดยได้มีเสียงไซเรนเตือนภัย และเสียงระเบิด ดังสนั่นหวั่นไหวในหลายพื้นที่ทั่วอิสราเอล รวมทั้งกรุงเทลอาวีฟ และนครเยรูซาเลม หลังจากอิหร่านปล่อยอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรนติดระเบิด และขีปนาวุธ รวมกันนับร้อยลูก พุ่งโจมตีอิสราเอล เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในซีเรียเมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา นับเป็นการโจมตีดินแดนอิสราเอลโดยตรงครั้งแรกของอิหร่าน นับแต่เกิดการสู้รบรอบใหม่ของอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว
ขีปนาวุธ300ลูก ถูกยิงตกร้อยละ99
กองทัพอิสราเอล แถลงว่าอิหร่านยิงโดรนติดอาวุธและขีปนาวุธ รวมกว่า 300 ลูก ในจำนวนนี้บางส่วนถูกยิงมาจากอิรักและเยเมน โดยโดรนติดอาวุธและขีปนาวุธที่อิหร่านโจมตีอิสราเอล ถูกยิงตกไปถึงร้อยละ 99 ก่อนจะเข้าสู่น่านฟ้าของอิสราเอล
ก่อนหน้านี้ กองทัพอิสราเอล ผยว่ามีขีปนาวุธของอิหร่านบางส่วนหลุดรอดจากการสกัดของระบบป้องกัน ทำให้มีผู้บาดเจ็บเป็นเด็กผู้หญิง 1 คน และกองบัญชาการกองทัพอิสราเอลทางภาคใต้เสียหายเล็กน้อย 1 แห่ง
อิสราเอลลั่นพร้อมรับทุกสถานการณ์
ด้านนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล แถลงเตรียมพร้อมรับการโจมตี และพร้อมรับทุกสถานการณ์ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชน ปฏิบัติตามข้อแนะนำ ของทางการเพื่อความปลอดภัย
สถานีโทรทัศน์อิสราเอล รายงานอ้างเจ้าหน้าที่อิสราเอล ที่ระบุว่า จะมีการตอบโต้อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ อิหร่านประกาศกร้าวก่อนหน้านี้ว่า จะแก้แค้นอิสราเอลที่โจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส ของซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ทหารในกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน เสียชีวิต 7 ราย ซึ่งมีนายทหารระดับสูงรวมอยู่ด้วย 2 ราย และการโจมตีครั้งนี้เป็นการลงโทษการก่ออาชญากรรมของอิสราเอล ในขณะที่อิสราเอลไม่ได้ยืนยัน หรือปฎิเสธว่าเป็นผู้ลงมือโจมตีสถานกงศุลอิหร่าน
อิหร่านยันเป็นการป้องกันที่ถูกต้อง
ทางด้านรัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวในแถลงการณ์ว่า การโจมตีฐานทัพทหารในอิสราเอล ถือเป็นการป้องกันที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งรับประกันโดยกฎบัตรสหประชาชาติ อิหร่านยืนยันถึงความมุ่งมั่นของอิหร่านที่จะปกป้องอธิปไตย ความเป็นเอกภาพและผลประโยชน์ของชาติหากถูกรุกราน อิหร่านจะไม่ลังเลที่จะใช้มาตรการป้องกันเพิ่มเติม เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติเมื่อเผชิญกับการรุกรานใดๆ การที่อิหร่านใช้สิทธิในการป้องกันตัวเองพิสูจน์ให้เห็นถึงแนวทางความรับผิดชอบของอิหร่านต่อความมั่นคงในภูมิภาค
ขณะที่ชาวอิหร่านบางส่วนร่วมในการฉลองอยู่ภายในรถยนต์ด้วยการกดแตรและโบกธงนอกหน้าต่างรถยนต์ แต่ชาวอิหร่านจำนวนมากออกไปตามท้องถนน จุดพลุและดอกไม้ไฟ พร้อมกับร้องตะโกนถ้อยคำที่เป็นการกล่าวว่าอิสราเอล ชาวอิหร่านคนหนึ่งกล่าวถึงการโจมตีครั้งสำคัญนี้ว่า เป็นการแก้แค้นอิสราเอล และเขาหวังว่าการโจมตีจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนอิสราเอลถูกทำลาย
ยึดเรืออิสราเอลในช่องแคบฮอร์มุซ
กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน บุกยึดเรือพาณิชย์ที่เชื่อมโยงกับอิสราเอล ขณะอยู่ในช่องแคบฮอร์มุซ เรือที่ถูกยึดคือ เอ็มเอสซี เอเรียส เป็นเรือขนส่งสินค้าติดธงโปรตุเกส โดยกองกำลังใช้เฮลิคอปเตอร์โรยตัวเพื่อยึดเรือ พร้อมลูกเรือ 25 คน โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังอิหร่านประกาศจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าทางเรือที่สำคัญ และเตือนจะโจมตีแก้แค้นกรณีอิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัสของซีเรีย จนกระทั่งอิหร่านเปิดฉากโจมตีอิสราเอล เมื่อคืนวันที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา
สหรัฐประกาศยืนเคียงข้างอิสราเอล
ทำเนียบขาวของสหรัฐ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ หารือกันทางโทรศัพท์ในคืนวันเสาร์ ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐ หลังจากที่อิหร่านเปิดฉากโจมตีอิสราเอลเพื่อเป็นการล้างแค้นด้วยการใช้ทั้งโดรนและขีปนาวุธ
สำนักงานโฆษกรัฐบาลอิสราเอลเผยแพร่ภาพถ่ายนายเนทันยาฮู กำลังถือหูโทรศัพท์เมื่อช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาในอิสราเอล ในขณะที่กองทัพอิสราเอลเผยแพร่คลิปวิดีโอและภาพถ่ายเฮอร์ซี ฮาเลวี หัวหน้าเสนาธิการทหารอิสราเอลกำลังพูดกับทหารกองทัพบกและกองทัพอากาศภายในห้องปฏิบัติการของกองทัพ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ระบุว่า กองทัพสหรัฐ ได้ช่วยยิงสกัดโดรนและขีปนาวุธของอิหร่านเกือบทั้งหมด หลังไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เขาได้สั่งการให้เครื่องบินรบและเรือพิฆาตป้องกันขีปนาวุธไปยังตะวันออกกลาง โดยโจ ไบเดน ได้เปลี่ยนแผนการเดินทางเยือนรัฐเดลาแวร์ และรีบกลับมายังกรุงวอชิงตัน เพื่อหารือกับที่ปรึกษาด้านความมั่นคง รวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศและกลาโหม เขาให้คำมั่นว่าจะอยู่เคียงข้างอิสราเอล พร้อมให้คำมั่นว่าสหรัฐจะอยู่เคียงข้างอิสราเอลและจะรวบรวมเสียงผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ (จี7) เพื่อร่วมกันตอบโต้ทางการทูตต่อการโจมตีของอิหร่าน
UNSC นัดประชุมฉุกเฉิน
นายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ บอกว่าตนรู้สึกตระหนกถึงอันตรายที่แท้จริงจากความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นทั่วภูมิภาค พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่อาจนำไปสู่การเผชิญหน้าทางทหารครั้งใหญ่ในหลายจุดในตะวันออกกลาง
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) มีกำหนดประชุมในวันที่ 14 เม.ย. หลังอิสราเอลได้ขอให้ทาง UNSC ประณามการโจมตีของอิหร่านต่ออิสราเอล และกำหนดให้กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามเป็นองค์กรก่อการร้าย
การประชุมของ UNSC จะมีขึ้นในเวลา 16.00 น. ตามเวลาเขตเวลาตะวันออก (ET) โดยนายกิลาด เออร์ดาน เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรอิสราเอลประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ส่งจดหมายขอให้ UNSC จัดการประชุมฉุกเฉิน นายเออร์ดานโพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ X ว่า “การโจมตีของอิหร่านเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสันติภาพโลกและผมคาดหวังว่า UNSC จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมต่ออิหร่าน”
ทั่วโลกร่วมประณามอิหร่าน
จากกรณีดังกล่าวปรากฏว่าหลายประเทศทั่วโลก ได้ออกมาประณามการโจมตีของอิหร่านแล้ว อาทิ นายกรัฐมนตรีริชี ซูแน็ก ของอังกฤษได้ระบุในแถลงการณ์ประณามการโจมตีของอิหร่านที่ไม่ยั้งคิด ซึ่งเสี่ยงที่จะเพิ่มความตึงเครียดและทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค
นายโจเซฟ บอเรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของสหภาพยุโรป (อียู) ได้ประณามการโจมตีดังกล่าวของอิหร่านเช่นกัน โดยบอกว่าการโจมตีครั้งนี้ถือเป็นการทำให้สงครามขยายตัวออกไปอย่างคาดไม่ถึง และเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงในภูมิภาค
ด้านกระทรวงการต่างประเทศอียิปต์ แสดงความกังวลถึงการยกระดับของสงครามและขอให้ใช้การยับยั้งชั่งใจอย่างที่สุด อีกทั้ง เตือนถึงความเสี่ยงที่ความขัดแย้งในภูมิภาคจะขยายตัว และอียิปต์จะติดต่อกับทุกฝ่ายโดยตรงเพื่อพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
กังวลสถานการณ์อาจลุกลาม
ขณะที่กระทรวงต่างประเทศของซาอุดีอาระเบียได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลถึงการขยายตัวทางความขัดแย้งทางทหาร และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างถึงที่สุดและปกป้องภูมิภาค รวมถึงประชาชนจากอันตรายของสงคราม
กระทรวงการต่างประเทศจีน ได้มีแถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอยู่ในความสงบและใช้ความอดกลั้น เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย จีนยังขอให้ประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีอิทธิพล แสดงบทบาทในทางสร้างสรรค์ เพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคเอาไว้
กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นกล่าวในแถลงการณ์ในวันนี้ ประณามการโจมตีของอิหร่านในครั้งนี้ โดยระบุว่า เป็นเหตุการณ์ที่ลุกลาม และระบุว่า ญี่ปุ่นรู้สึกกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง การโจมตีที่เกิดขึ้นจะยิ่งทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางเลวร้ายลงอีก
เปิดแนวปฏิบัติเพื่อความปลอดภัย
ขณะที่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ออกประกาศเตือนคนไทยในอิสราเอล ถึงแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัย โดยขอให้ปฏิบัติ ดังนี้ 1) ห้ามมีการชุมนุมมากกว่า 1,000 คน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และปิดสถาบันการศึกษา 2) ในพื่นที่สู้รบ ห้ามชุมนุมมากว่า 30 คน และ 3) สถานที่ทำงานเปิดได้เฉพาะที่มีห้องหลบภัย โดยรัฐบาลได้ประกาศปิดน่านฟ้าและงดเที่ยวบินทั้งหมด ตั้งแต่เวลา 00.30 น. ของวันที่ 14 เม.ย. 2567 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง สำหรับคนไทยที่ได้รับผลกระทบโปรดติดต่อได้ที่สถานเอกอัครราชทูตฯ หมายเลขโทรศัพท์ (+972) 5 4636 8150, (+972) 5 0367 3195
ยังไม่พบแรงงานไทยบาดเจ็บ
ในส่วนของประเทศไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เร่งตรวจสอบและดูแลแรงงานไทยอย่างใกล้ชิดทันที ซึ่งจากรายงานของนายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ พบว่าขณะนี้ยังไม่มีแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการโจมตีในสถานการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ขอให้แรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอลทุกคน ปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางสถานทูตไทยอย่างใกล้ชิด โดยขอให้ติดตามประกาศของแต่ละท้องถิ่น หรือแจ้งข้อมูลมายังฝ่ายแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ หากต้องการขอรับความช่วยเหลือ หรือได้รับผลกระทบ และขอให้ญาติของแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลไทย จะให้การคุ้มครอง ดูแลอย่างดีที่สุด
ขอคนไทยปฏิบัติตามประกาศท้องถิ่น
นายชัย วัชรงค์ โฆษกระจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประชาสัมพันธ์ประกาศสำหรับคนไทยในอิสราเอล โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ แจ้งแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2567 เวลา 23.00 น.จนถึงวันที่ 15 เมษายน 2567 เวลา 23.00 น.ดังนี้ 1.ห้ามมีการชุมนุมมากกว่า 1000 คนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศและปิดสถาบันการศึกษา 2.ในพื้นที่สู้รบห้ามชุมนุมมากกว่า 30 คน 3.สถานที่ทำงานเปิดได้เฉพาะที่มีห้องหลบภัย
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ประกาศปิดน่านฟ้าและงดเที่ยวบินทั้งหมดตั้งแต่เวลา 00.30 ของวันที่ 14 เมษายน 2567 จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ขอให้ทุกท่านติดตามประกาศของแต่ละท้องที่หากต้องการติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ โปรดติดต่อ +972546368150 +972503673195
“ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามประกาศของรัฐบาลอิสราเอล เพื่อความปลอดภัย ติดตามการประชาสัมพันธ์ คำสั่งทางการท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด และระมัดระวังตนเอง รวมทั้ง หาข้อมูลเพื่อติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อประโยชน์ของตนเองกรณีประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด” นายชัย กล่าว
“นพดล”เรียกร้องยูเอ็นเปิดช่องเจรจา
นายนพดล ปัทมะ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ว่า ได้ทราบจากข่าวว่าทางอิหร่านได้ประกาศในเวทีสหประชาชาติว่ายุติการตอบโต้ดังกล่าวแล้ว ซึ่งถ้าเป็นจริงถือว่าเป็นข่าวดีที่ทุกฝ่ายจะได้มีช่องทางในการพูดคุยทางการทูตเพื่อยุติความขัดแย้งต่างๆโดยสันติวิธี อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการห่วงใยชีวิตของพี่น้องคนไทยเกือบ 30,000 คน ที่ทำงานในประเทศอิสราเอล และเข้าใจว่ามีแรงงานบางส่วนเริ่มเดินทางกลับไปทำงาน จึงขอฝากว่าสถานการณ์ยังอ่อนไหวและต้องติดตาม ขอให้ดูแลความปลอดภัยของตัวเองตามคำแนะนำของสถานทูตไทยในกรุงเทลอาวีฟ และคำเตือนของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด
นายนพดล ยังได้เรียกร้องให้สหประชาชาติได้เข้ามามีบทบาทในการเปิดช่องเจรจาทางการทูต เพื่อลดความตึงเครียด ยุติการสู้รบ และสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนในตะวันออกกลางต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี