อิสราเอลลั่นเอาคืนแน่
เตรียมตอบโต้อิหร่าน
เมินเสียงชาติพันธมิตร
ขอให้ใช้ความอดกลั้น
คณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอลหารือเรื่องการตอบโต้การโจมตีของอิหร่านอีกรอบเสนาธิการกองทัพประกาศว่าอิสราเอลจะทำการตอบโต้อิหร่านอย่างแน่นอนแม้ชาติพันธมิตจะเรียกร้องให้อดทนอดกลั้น เนื่องจากกังวลว่าสถานการณ์จะทวีความรุนแรงมากขึ้น
ความคืบหน้ากรณีอิหร่านยิงขีปนาวุธหลายสิบลูกและโดรนหลายร้อยตัวโจมตีอิสราเอลเมื่อวันเสาร์ที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศซีเรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายรายซึ่งรวมถึงนายโมฮัมหมัด เรซา ซาเฮดี ผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ของอิหร่าน แต่อย่างไรก็ตาม พลเรือตรีดาเนียล ฮาการี โฆษกของ IDF แถลงว่า อิสราเอลตรวจจับโดรนและขีปนาวุธที่อิหร่านส่งมาโจมตีได้ราว 300 ตัว/ลูก และสามารถยิงสกัดก่อนที่จะมาถึงอิสราเอลได้มากถึง 99%
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 เมษายน ตามเวลาท้องถิ่น คณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอลประชุมหารือกันเรื่องการตอบโต้การโจมตีของอิหร่าน โดยพวกเขาไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะว่า มีการบรรลุการตัดสินใจใดๆ แล้วหรือไม่
การประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ชาติพันธมิตรของอิสราเอลออกมาประณามการกระทำของอิหร่าน แต่ก็เรียกร้องให้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี เบนจามินเนทันยาฮู อดทนอดกลั้นเรื่องการตอบโต้ เพราะหวั่นว่าจะทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลาง ซึ่งตึงเครียดมากอยู่แล้วเพราะสงครามในฉนวนกาซา เลวร้ายลงไปอีก
พลโทเฮอร์ซี ฮาเลวี เสนาธิการกองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (IDF) ยืนยันว่า อิสราเอลจะทำการตอบโต้อิหร่านอย่างแน่นอน แม้ว่าสหรัฐและบรรดาชาติพันธมิตรต่างก็ออกมาเรียกร้องให้อิสราเอลหลีกเลี่ยงการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เพราะจะส่งผลให้สงครามขยายตัวเป็นวงกว้าง
พลโทฮาเลวีกล่าวในระหว่างการเดินทางเยี่ยมฐานทัพอากาศเนวาติม ทางตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 15 เมษายน โดยฐานทัพอากาศเนวาติมได้รับความเสียหายบางส่วนจากเหตุการณ์โจมตีดังกล่าวว่า“การโจมตีด้วยมิสไซล์, ขีปนาวุธร่อน และโดรนจำนวนมากมายขนาดนี้เข้าสู่ดินแดนของอิสราเอล จะต้องเจอกับการตอบสนอง”พลโทเฮอร์ซี ฮาเลวี กล่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในขณะที่พลโทฮาเลวีส่งสัญญาณว่าจะตอบโต้อิหร่านนั้น เขายืนอยู่ด้านหน้าเครื่องบินขับไล่ F-35 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่อิสราเอลเคยนำมาใช้ในการสกัดกั้นการโจมตีจากอิหร่านได้เป็นผลสำเร็จ จึงทำให้มีการคาดการณ์ว่าอิสราเอลอาจจะนำเครื่องบินขับไล่รุ่นนี้มาใช้ในการตอบโต้อิหร่านอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้บรรดาผู้นำหลายประเทศได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น เนื่องจากกังวลว่าสถานการณ์จะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นความตึงเครียดครั้งใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ประธานาธิบดีไบเดน ได้กล่าวกับนายกรัฐมนตรีเบนจามินเนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ทางโทรศัพท์ โดยยืนยันถึงความมุ่งมั่นอันแข็งแกร่งของสหรัฐที่มีต่อความมั่นคงของอิสราเอลแต่ย้ำด้วยว่าสหรัฐจะไม่เข้าร่วมและไม่สนับสนุนทางทหารในการตอบโต้อิหร่าน
“เรามุ่งมั่นที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเพื่อนำตัวประกันกลับบ้าน และป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามไปมากกว่านี้” นายไบเดนกล่าว
และค่ำวันเดียวกัน นายไบเดนได้โพสต์ข้อความผ่านเอ็กซ์ว่า ประชาคมโลกจะต้องยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียวกันในการต่อต้านการรุกรานของอิหร่านซึ่งคุกคามสันติภาพโลก
ต่อมา นายพลเดวิด เพเทรอัส อดีตผู้อำนวยการซีไอเอ ก็ออกมายืนยันด้วยว่า วอชิงตันไม่ต้องการเสี่ยงแลกสวัสดิภาพของเศรษฐกิจโลก กับการโจมตีตอบโต้ใดๆ ของอิสราเอลต่ออิหร่าน
นายโจเซฟบอเรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของสหภาพยุโรป กล่าวกับสถานีวิทยุของประเทศสเปนว่า ตอนนี้เรากำลังอยู่บนขอบหน้าผาและเราต้องถอยออกมา เช่นเดียวกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอลมาครง ของฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีโอลาฟชอลซ์ ของเยอรมนี ลอร์ดแคเมอรอนแห่งชิปปิงนอร์ตัน ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ และนายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ ที่ได้ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจ
ขณะที่ นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาวสหรัฐ ปฏิเสธที่จะบอกว่าในการพูดคุยระหว่าง ประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูของอิสราเอลใช้ความยับยั้งชั่งใจในการตอบโต้อิหร่านหรือไม่ แต่นายเคอร์บีกล่าวว่า เราไม่อยากเห็นการทำสงครามกับอิหร่าน และเราไม่อยากเห็นความขัดแย้งในภูมิภาค และเป็นเรื่องที่อิสราเอลจะต้องตัดสินใจว่าพวกเขาจะตอบโต้อิหร่านหรือไม่อย่างไร
ด้านทางการรัสเซียได้ปฏิเสธที่จะวิจารณ์การโจมตีของอิหร่าน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย แต่ก็ได้ออกมาเรียกร้องเช่นกันให้มีการใช้ความอดกลั้น
ทั้งนี้ ภายหลังการโจมตีของอิหร่าน หลายประเทศ อาทิ ฝรั่งเศส เบลเยียม และเยอรมนีได้เรียกเอกอัครราชทูตอิหร่านเข้าพบ โดยกระทรวงต่างประเทศของฝรั่งเศสระบุว่าฝรั่งเศสกำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อลดความตึงเครียดของสถานการณ์
ขณะที่นายกรัฐมนตรีริชี ซูแน็ก ของอังกฤษเปิดเผยว่า กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ (จี7) กำลังทำงานร่วมกับเพื่อกำหนดมาตรการร่วมกันในการตอบโต้อิหร่าน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ว่า หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน สนทนาทางโทรศัพท์กับนายฮอสเซ็น เอเมียร์-อับโดลลาเฮียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดย เอเมียร์-อับโดลลาเฮียน ยืนยันว่าการโจมตีที่เกิดขึ้น เป็นแบบจำกัดและเพื่อป้องกันตนเองขณะที่หวังกล่าวว่า การที่สถานเอกอัครราชทูตอิหร่านถูกโจมตี เป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถรับได้ตามการเปิดเผยโดยสำนักข่าวซินหัว และสื่ออีกหลายแห่งของจีน เอเมียร์-อับโดลลาเฮียน กล่าวว่า อิหร่านตระหนักดี เกี่ยวกับความรุนแรงในภูมิภาคตะวันออกกลางที่จะเพิ่มขึ้น และไม่เคยมีแผนกระตุ้นสถานการณ์ให้เลวร้ายมากไปกว่าที่เป็นอยู่ ด้านหวังกล่าวอีกอีกว่า จีนเชื่อมั่นว่า อิหร่านจะสามารถจัดการสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี และป้องกันไม่ให้ตะวันออกกลางต้องเกิดความวุ่นวาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี