เทลอาวีฟ/วอชิงตัน/ราฟาห์ (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) – นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าววานนี้ว่า เขาจะสู่กับมาตรการลงโทษต่างๆ ที่มีต่อกองทัพของอิสราเอลทุกหน่วยจากข้อกล่าวหาเรื่องการละเมินสิทธิมนุษยชนหลังจากสื่อมวลชนรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังวางแผนใช้มาตรการลงโทษต่อกองทัพอิสราเอล รวมถึงลดความช่วยเหลือ
นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู กล่าวในแถลงการณ์ว่า หากมีผู้ใดคิดว่า สามารถจะใช้มาตรการลงโทษหน่วยทหารของกองทัพอิสราเอล หรือ ไอดีเอฟ เขาจะต่อสู้อย่างสุดพละกำลังที่เขามี ในขณะที่ เบนนี แกนทซ์ รัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีภาวะสงครามของอิสราเอล อดีตผู้บัญขาการทหารสูงสุดของอิสราเอลกล่าวในแถลงการณ์ว่า เขาได้พูดคุยกับ แอนโทนี่ บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และขอให้ทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง ด้านบลิงเคนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า เขากำลังตัดสินใจเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ว่า อิสราเอลละเมิดกฎหมายสหรัฐที่ห้ามการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่บุคคลหรือหน่วยที่เป็นกองกำลังรักษาความมั่นคงที่กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน คาดว่าจะได้มีรายละเอียดออกมาให้ทราบกันในเร็วๆ นี้
ความคืบหน้าเรื่องนี้เกิดขึ้น หลังจากเว็บไซต์ข่าวแอกซิโอส (Axios) รายงานเมื่อวันเสาร์ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังวางแผนใช้มาตรการลงโทษกองพัน “เน็ตซาห์ เยฮูดา” (Netzah Yehuda) ของอิสราเอล ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในเขตเวสต์แบงก์ กรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ดังกล่าว แม้อิสราเอลจะกล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องเกี่ยวกับมาตรการลงโทษ
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ เป็นพันธมิตรหลักของอิสราเอล และไม่เคยมีการตัดความช่วยเหลือแก่กองกำลังป้องกันตนเอง หรือกองทัพอิสราเอล มาก่อนขณะที่ฝ่ายอิสราเอลก็ยืนยันว่า กองกำลังของตนเองทุกหน่วยปฏิบัติการทุกอย่างตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ในอีกด้านหนึ่ง มีรายงานว่า คณะแพทย์ของโรงพยาบาลในเมืองราฟาห์ ทางใต้ของฉนวนกาซาช่วยกันผ่าตัดทำคลอดให้แก่ ซาบรีน อัล-ซาคานี ซึ่งเสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อช่วยชีวิตทารกน้อยในครรภ์เอาไว้ ในขณะที่นางซาคานีตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนครึ่ง ทารกที่ได้รับการผ่าตัดออกมาจากครรภ์มารดาเป็นเพศหญิง มีน้ำหนักตัวแรกเกิดเพียง 1.4 กิโลกรัม เนื่องจากเป็นการคลอดก่อนกำหนด ทำให้เวลานี้ ทารกยังต้องอยู่ในตู้อบเช่นเดียวกับทารกคนอื่นๆ
นายแพทย์ โมฮัมเหม็ด ซาลามา ซึ่งเป็นผู้ดูแลทารกน้อยรายนี้บอกว่า ขณะนี้ อาการของทารกพ้นขีดอันตรายแล้วและกำลังค่อยๆ แข็งแรงขึ้นตามลำดับ แพทย์มีแผนจะให้ทารกอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปอีกสัก 3-4 สัปดาห์ จากนั้นจะต้องหาครอบครัวให้หนูน้อยต่อไป ซึ่งก็คงจะเป็นครอบครัวของลุงป้า หรือปู่ย่าตายายของเด็กนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้จะหาครอบครัวมารับเลี้ยงได้ แต่ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าของเด็กหญิงรายนี้อยู่ดี เพราะเกิดมาก็ต้องกำพร้าทั้งพ่อและแม่ เนื่องจากพ่อแม่ของหนูน้อยรวมทั้งพี่สาวเสียชีวิตจากการโจมตีบ้านเรือนประชาชน 2 หลังในเมืองราฟาห์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 19 ศพ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็กถึง 13 ศพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี