มอสโก/วอชิงตัน/ปารีส (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - รัสเซียปฏิเสธสหรัฐฯ กล่าวหาใช้อาวุธเคมีสมัยสงครามโลกในยูเครน เร่งรุกคืบหน้าในภาคตะวันออกยูเครน ก่อนหน้าถึงวันฉลองชัยชนะของอดีตสหภาพโซเวียตในสงครามโลก ครั้งที่ 2 ด้านประธานาธิบดีฝรั่งเศสยืนยัน ไม่ตัดความเป็นไปได้ส่งทหารตะวันตกเข้ายูเครน ถ้าเข้าสองเงื่อนไข
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินของรัสเซีย ปฏิเสธคำกล่าวหาจากสหรัฐฯ รัสเซียใช้อาวุธเคมีในยูเครนว่าไม่มีมูลความจริง ยืนยันรัสเซียเคารพในอนุสัญญาอาวุธเคมี (CWC) ซึ่งรัสเซียได้ลงนามในอนุสัญญานี้ด้วย โดยอนุสัญญาอาวุธเคมี ห้ามประเทศต่างๆ พัฒนา หรือซื้ออาวุธเคมีใหม่ 193 ประเทศได้ให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาอาวุธเคมีดังกล่าว รวมถึงรัสเซีย
ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2017 องค์การห้ามใช้อาวุธเคมี (OPCW) ยืนยันว่า รัสเซีย ได้ทำลายคลังอาวุธเคมียุคสงครามเย็นแห่งสุดท้ายไปแล้ว เป็นการปฏิบัติตามอนุสัญญาอาวุธเคมี ขณะที่ในสัปดาห์นี้เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวหารัสเซียใช้สาร “คลอโรพิคริน” (Chloropicrin) กับทหารยูเครน เพื่อให้ทิ้งป้อมค่ายหนีไป และไม่ได้ใช้เพียงครั้งเดียว เป็นการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ห้ามใช้สารนี้ในสงคราม
ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯ หรือ CDC ระบุ คลอโรพิคริน เป็นสารน้ำมัน เคยถูกใช้อย่างกว้างขวางเป็นอาวุธเคมีในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 1 สารพิษนี้ก่อความระคายเคืองให้แก่ปอด ดวงตา และผิวหนัง อาการของผู้ได้รับสารพิษคือคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หายใจไม่ออก ต่อมาอนุสัญญาอาวุธเคมี ห้ามใช้สารนี้ในสงคราม และทางองค์การห้ามใช้อาวุธเคมี (OPCW) ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสารอันตรายที่ทำให้หายใจไม่ออก
ข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังยูเครนโวยว่า ทหารยูเครนถูกโจมตีด้วยอาวุธเคมีมากขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำให้ทหารยูเครนเสียชีวิต 1 นายเนื่องจากอาการหายใจไม่ออกจากแก๊สน้ำตา และบาดเจ็บอีก 500 นาย ทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ระบุในครั้งนี้ด้วยว่า รัสเซียใช้สารควบคุมการจลาจล หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า แก๊สน้ำตา ในปฏิบัติการในยูเครน
ส่วนสถานการณ์ในยูเครนล่าสุด ทหารรัสเซียกำลังรุกคืบหน้าต่อเนื่องในภาคตะวันออกยูเครน ก่อนหน้าถึง “วันแห่งชัยชนะ” 9 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นวันหยุดในรัสเซียเพื่อฉลองและรำลึกถึงชัยชนะของอดีตสหภาพโซเวียตในสงครามโลกครั้งที่ 2
ในอีกด้านหนึ่ง สถานีโทรทัศน์ France24 สื่อฝรั่งเศส รายงาน ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ย้ำว่า เขาไม่ตัดความเป็นไปได้การส่งทหารชาติตะวันตกไปยังยูเครน ระบุประเด็นนี้จะมีความชอบธรรม ถ้าหากมี 2 เงื่อนไขเกิดขึ้น นั่นคือ รัสเซียตีแนวหน้ายูเครนแตก และยูเครนร้องขอเช่นนั้น เป็นการยืนยันความเห็นดังกล่าวของเขาที่เคยระบุเช่นนี้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งได้สร้างความตกตะลึงไปทั่วยุโรป
สำหรับการให้สัมภาษณ์ล่าสุดของมาครง เกิดขึ้นในขณะที่นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า รัสเซียกำลังเตรียมเปิดฉากรุกใหญ่ครั้งใหม่ในยูเครน ซึ่งมาครงบอกว่า หากรัสเซียตัดสินใจรุกคืบครั้งใหม่จริง ยุโรปทั้งหมดก็ควรต้องหันกลับมาถามตัวเองด้วยคำถามนี้ คือการส่งทหารไปยูเครนหรือไม่ ผู้นำฝรั่งเศสชี้แจงว่า การที่เขาปฏิเสธที่จะตัดความเป็นไปได้ในการส่งทหารไปยูเครนนั้น เท่ากับเป็น “เสียงปลุกตื่น” ในเชิงยุทธศาสตร์ ไปถึงผู้นำยุโรปอื่นๆ
ก่อนการให้สัมภาษณ์นี้ มาครงเพิ่งกล่าวถ้อยแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เตือนยุโรป “ไม่ได้เป็นอมตะ” และบางส่วนของยุโรปอาจ “ตาย” ได้ จากภัยคุกคามที่เกิดจากการที่รัสเซียปฏิบัติการในยูเครนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 เป็นต้นมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี