โซล (รอยเตอร์ส/ยอนฮัพ)-หน่วยข่าวกรองของเกาหลีใต้ตรวจพบร่องรอยบ่งชี้ว่า เกาหลีเหนือได้ทำลายเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้บางส่วนที่อยู่บริเวณชายฝั่งตะวันออก ดูเหมือนจะเป็นความพยายามทำลายล้างมรดกตกทอดที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างสองเกาหลี

สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ หรือ เอ็นไอเอส ของเกาหลีใต้กล่าวว่า บางส่วนของเส้นทางรถไฟสายทงแฮ ถูกทำลายไปแล้วและขณะนี้เกาหลีใต้กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่ ในขณะที่หนังสือพิมพ์ทงอา อิลโบ ของท้องถิ่นเกาหลีใต้รายงานอ้างแหล่งข่าวจากรัฐบาลเกาหลีใต้ที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่พบว่า เกาหลีเหนือรื้อไม้หมอนรถไฟทางด้านเหนือของเส้นทางรถไฟสายทงแฮ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เกาหลีเหนือฝังทุ่นระเบิดและรื้อถอนเสาไฟให้แสงสว่างตามถนน ซึ่งเหมือนกับเป็นการปิดเส้นทางที่ได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนของสองเกาหลี

สำหรับเส้นทางรถไฟสายทงแฮผ่านพื้นที่เขตปลอดทหารที่แบ่งแยกเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ เส้นทางรถไฟนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 2006 ความยาว 27 กิโลเมตร แต่ไม่เคยใช้งานยกเว้นตอนเริ่มโครงการเมื่อปี 2007 หลังจากนั้น มุน แจ อินประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในขณะนั้น ตกลงกับ คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ในการเชื่อมต่อและพัฒนาเส้นทางรถไฟ 2 สาย คือ สายคยองอุยและสายทงแฮ ในระหว่างการประชุมสุดยอดที่หมู่บ้านปันมุนจอม เมื่อเดือนเมษายน 2018 แต่โครงการนี้ยกเลิกไปในปี 2019

ทั้งนี้ เกาหลีเหนือพยายามลบล้างทุกอย่างที่เกี่ยวพันถึงการรวมชาติของสองเกาหลี นับตั้งแต่ คิม จอง-อึน ระบุเมื่อตอนประชุมพรรคแรงงานเมื่อตอนสิ้นปีเรียกความสัมพันธ์สองเกาหลีว่าเป็นปรปักษ์ซึ่งกันและกัน ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเกาหลีเหนือ เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันอังคาร ประธานาธิบดี ยุน ซ็อก ยอล ผู้นำเกาหลีใต้ ได้ระงับข้อตกลงด้านการทหารทั้งหมด ที่เคยลดความตึงเครียดในปี 2018 กับเกาหลีเหนือ เพื่อตอบโต้การยั่วยุของเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมถึงการปล่อยบอลลูนเกือบ 1,000 ลูกที่บรรทุกขยะ เช่น ก้นบุหรี่และมูลสัตว์ ข้ามชายแดนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คำสั่งระงับข้อตกลงดังกล่าว จะเปิดทางให้เกาหลีใต้รื้อฟื้นการซ้อมรบด้วยกระสุนจริง และกลับมารณรงค์ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อผ่านเครื่องขยายเสียงตามแนวพรมแดนติดกับเกาหลีเหนืออีกครั้ง โดยเกาหลีใต้ได้ใช้การรณรงค์ผ่านเครื่องขยายเสียง ซึ่งถือเป็นยุทธวิธีการทำสงครามจิตวิทยาที่มีมาตั้งแต่สงครามเกาหลี เป็นมาตรการตอบโต้การยั่วยุที่ร้ายแรงของเกาหลีเหนือ