5 ก.พ. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Nissan board agrees to scrap $60 billion Honda merger talks, source says อ้างการให้ข้อมูลของแหล่งข่าว ซึ่งระบุว่า 2 ค่ายรถชื่อดังของญี่ปุ่น อย่างฮอนด้าและนิสสัน ที่เคยมีข่าวจะควบรวมกิจการกัน ล่าสุดทางนิสสันเตรียมจะยกเลิกดีลดังกล่าวที่มีมูลค่าสูงถึง 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2.1 ล้านล้านบาท ซึ่งทำให้เกิดคำถามตามมาว่า นิสสันจะฟื้นฟูกิจการของตนได้อย่างไร

การเจรจามีความซับซ้อนขึ้นเนื่องจากความแตกต่างที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น 2 ราย โดยแหล่งข่าว 2 รายที่ทราบเรื่องนี้ซึ่งทั้งคู่ขอไม่เปิดเผยชื่อเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับสื่อมวลชน กล่าวก่อนหน้านี้ ขณะที่มีรายงานว่า เมื่อ นสพ.Nikkei Asian Review ของญี่ปุ่น เสนอข่าวดังกล่าวออกไป หุ้นนิสสันร่วงลงกว่าร้อยละ 4 ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ซึ่งระงับการซื้อขายหุ้นชั่วคราว แต่หุ้นของฮอนด้ายังคงซื้อขายกันอย่างต่อเนื่องและปิดตลาดเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 8 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่านักลงทุนรู้สึกโล่งใจ

ความคืบหน้าดังกล่าวจะทำให้เกิดคำถามใหม่ว่านิสสันซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักและกำลังอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างองค์กร อีกทั้งมีเป้าหมายที่จะเลิกจ้างพนักงาน 9,000 คนและลดกำลังการผลิตทั่วโลกลงร้อยละ 20 จะสามารถฝ่าฟันวิกฤติครั้งล่าสุดนี้ไปได้อย่างไรโดยไม่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากภายนอก

ฮอนด้า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่น รองจากโตโยต้า ขณะที่นิสสัน ซึ่งอยู่ในอันดับ 3  เปิดเผยเมื่อเดือนธ.ค. 2567ว่า ทั้งสองบริษัทกำลังเจรจากันเพื่อก่อตั้งบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก โดยตั้งเป้าที่จะขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นในอุตสาหกรรมที่เผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่จากค่ายรถยนต์จากจีน เช่น BYD และบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า นิสสันอาจยกเลิกการเจรจาหลังจากที่ฮอนด้าได้หารือเกี่ยวกับการเป็นบริษัทลูก แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า เหตุที่นิสสันไม่ยอมเพราะการเจรจาครั้งนี้แตกต่างจากกรอบเดิมที่ระบุว่าเป็นการควบรวมกิจการของบริษัทที่เท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตาม นิสสันและฮอนด้าระบุในแถลงการณ์แยกกันว่ารายงานของสื่อญี่ปุ่นไม่ได้อิงตามข้อมูลที่บริษัททั้ง 2 ประกาศออกมา และทั้ง 2 บริษัทตั้งเป้าที่จะสรุปทิศทางในอนาคตภายในกลางเดือน ก.พ. 2568 และประกาศให้ทราบในตอนนั้น

แหล่งข่าวรายที่สองระบุว่า ฮอนด้าซึ่งมีมูลค่าตลาดประมาณ 7.92 ล้านล้านเยน (51,900 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.8 ล้านล้านบาท) ใหญ่กว่านิสสันถึง 5 เท่า ซึ่งมีมูลค่าตลาด 1.44 ล้านล้านเยน (เกือบ 3.2 แสนล้านบาท) เริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับความคืบหน้าของคู่แข่งรายเล็กกว่าในแผนฟื้นฟูกิจการ

อนึ่ง การเจรจาร่วมกันนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่เกิดการหยุดชะงักจากภาษีศุลกากรที่อาจเกิดขึ้นจากโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นักวิเคราะห์กล่าวว่าภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บกับเม็กซิโกจะสร้างความเจ็บปวดให้กับนิสสันมากกว่าฮอนด้าหรือโตโยต้า โดย วินเซนต์ ซุน (Vincent Sun) นักวิเคราะห์ของ Morningstar กล่าวว่า นักลงทุนอาจกังวลเกี่ยวกับอนาคต (และ) การฟื้นตัวของนิสสัน นอกจากนี้ นิสสันยังมีความเสี่ยงจากภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโกมากกว่าฮอนด้าหรือโตโยต้า

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า นิสสันได้รับผลกระทบหนักกว่าคู่แข่งบางรายจากการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่หลังจากวิกฤตหลายปีที่เกิดจากการจับกุมและปลดอดีตประธาน คาร์ลอส โกสน์ (Carlos Ghosn) ในปี 2561 ขณะที่ คริสโตเฟอร์ ริชเตอร์ (Christopher Richter) นักวิเคราะห์ด้านยานยนต์ของญี่ปุ่นจาก CLSA บริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ กล่าวว่า ข่าวที่บอกว่านิสสันไม่ต้องการเป็นบริษัทลูกของฮอนด้าดูเหมือนจะเน้นย้ำว่าการควบคุมเป็นปัญหาที่ถกเถียงกัน และฮอนด้าดูเหมือนจะเดินจากไปหากไม่สามารถควบคุมได้

เรโนลต์ ค่ายรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ซึ่งเป็นพันธมิตรระยะยาวของนิสสัน กล่าวว่าจะเปิดกว้างสำหรับการควบรวมกิจการ โดยผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ถือหุ้นร้อยละ 36 ของนิสสัน รวมถึงร้อยละ 18.7 ผ่านทรัสต์ของฝรั่งเศส ทั้งนี้ ในตอนแรก นิสสันและฮอนด้ากล่าวว่าพวกเขาวางแผนที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางของการควบรวมกิจการภายในสิ้นเดือน ม.ค. 2568 แต่ต่อมามีการเลื่อนออกไปเป็นกลางเดือน ก.พ. 2568 นอกจากนั้น ยังมีรายงานเมื่อเดือน ม.ค. 2568 ว่า มิตซูบิชิ มอเตอร์ส อีกหนึ่งค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรขนาดเล็กกว่าของนิสสัน ซึ่งเคยพิจารณาที่จะเข้าร่วมการควบรวมกิจการด้วย อาจไม่ดำเนินการดังกล่าว

ขอบคุณเรื่องจาก

https://www.reuters.com/markets/deals/nissan-honda-may-call-off-merger-talks-asahi-says-2025-02-04/

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

https://www.naewna.com/inter/849679 สะเทือนวงการ!!! '3 ค่ายรถญี่ปุ่น'ยักษ์ใหญ่ ประกาศจับมือสู้กระแสรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน