ศาลเบรกคำสั่ง‘ทรัมป์’ไล่ชาวเวเนซูเอลากลับประเทศ หากสงสัยเป็นสมาชิกแก๊งอาชญากรรม

ศาลเบรกคำสั่ง‘ทรัมป์’ไล่ชาวเวเนซูเอลากลับประเทศ หากสงสัยเป็นสมาชิกแก๊งอาชญากรรม

วันจันทร์ ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2568, 14.52 น.

17 มี.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Judge temporarily blocks Trump's use of wartime powers to target Venezuelan gang members ระบุว่า ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา ระงับคำสั่งของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2568 ภายหลังจากที่ทรัมป์อาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยบุคคลต่างด้าวที่เป็นศัตรูของรัฐ 2341 (Alien Enemies Act 1798) เนรเทศชาวเวเนซูเอลาที่ถูกสงสัยว่าเป็นสมาชิกแก๊ง Tren de Aragua

โดยทรัมป์อ้างว่า สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับการรุกรานจากองค์กรอาชญากรที่เชื่อมโยงกับการลักพาตัว การกรรโชกทรัพย์ อาชญากรรมที่ก่อขึ้นอย่างเป็นขบวนการ และการรับจ้างสังหารบุคคล ขณะที่ เจมส์ โบสเบิร์ก (James Boasberg) ผู้พิพากษาที่ใช้อำนาจศาลระงับคำสั่งของทรัมป์ไว้เป็นเวลา 14 วัน อธิบายว่า กฎหมายว่าด้วยบุคคลต่างด้าวที่เป็นศัตรูของรัฐ นิยามของคำว่า “การรุกราน (Invasion)” หรือการบุกรุกเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ มีความเกี่ยวข้องกับการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศใดๆ และเทียบเท่ากับสงคราม


ทรัมป์ระบุว่าสมาชิกแก๊งดังกล่าว ทำสงครามนอกกฎหมายและดำเนินการที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศ กฎหมายว่าด้วยบุคคลต่างด้าวที่เป็นศัตรูของรัฐ ซึ่งใช้เฉพาะในช่วงสงครามเท่านั้น อาจช่วยให้ประธานาธิบดีสามารถหลีกเลี่ยงสิทธิตามกระบวนการยุติธรรมของผู้อพยพที่ถูกจัดประเภทว่าเป็นภัยคุกคาม และส่งตัวคนเหล่านั้นกลับประเทศได้อย่างรวดเร็ว

บรรยากาศที่ศาลในวันที่ 15 มี.ค. 2568 ก่อนศาลจะสั่งระงับคำสั่งของทรัมป์ ลี เกเลิร์นท์ (Lee Gelernt) ทนายความจากสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (ACLU) กล่าวว่า คำสั่งนี้ของทรัมป์ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เหมือนกับอีกหลายเรื่องที่ทรัมป์เคยทำ ซึ่งสหรัฐฯ อยู่ในสถานการณ์อันตรายมากเมื่อรัฐบาลจะพยายามนำอำนาจในสถานการณ์ศึกสงคราม มาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการย้ายถิ่นฐาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่ใช่ทางทหาร

แพม บอนดิ (Pam Bondi) อัยการสูงสุดสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์โจมตีผู้พิพากษาโบสเบิร์กว่าสนับสนุนผู้ก่อการร้ายกลุ่ม Tren de Aragua มากกว่าความปลอดภัยของชาวอเมริกัน และย้ำว่าคำสั่งที่ผู้พิพากษาออกมานั้นเพิกเฉยต่ออำนาจที่เป็นที่ยอมรับเกี่ยวกับอำนาจของประธานาธิบดี และทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายตกอยู่ในความเสี่ยง

ตามคำสั่งของทรัมป์ พลเมืองเวเนซุเอลาอายุ 14 ปีขึ้นไปที่ถูกระบุว่าเป็นสมาชิกขององค์กรอาชญากรรม ซึ่งอาศัยงอยู่ในสหรัฐฯ โดยไม่ได้รับสัญชาติหรือได้รับอนุญาตให้เป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรตามกฎหมาย อาจถูกจับกุม ควบคุมตัวและเนรเทศได้ ทั้งนี้ กฎหมายว่าด้วยบุคคลต่างด้าวที่เป็นศัตรูของรัฐ เคยถูกใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยสหรัฐฯ สร้างค่ายกักกันประชากรที่มีเชื้อสายเยอรมนี อิตาลีและญี่ปุ่น ซึ่งเป็น 3 ประเทศฝ่ายอักษะ คู่สงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตรที่มีสหรัฐฯ ร่วมอยู่ด้วย

กลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักการเมืองบางส่วนในพรรคเดโมแครต วิพากษ์วิจารณ์แนวคิดในการฟื้นกฎหมายนี้ขึ้นมาเพื่อจุดชนวนให้เกิดการเนรเทศจำนวนมาก ขณะที่ในเดือน ก.พ. 2568 ทรัมป์ได้ประกาศให้แก๊ง Tren de Aragua องค์กรอาชญากรรมจากเวเนซูเอลา แก๊ง Sinaloa ซึ่งเป็นขบวนการค้ายาเสพติดจากเม็กซิโก และแก๊งอื่นๆ อีก 6 กลุ่ม เป็นองค์กรก่อการร้ายระดับโลก  ตามคำสั่งของทรัมป์เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2568 ยังระบุด้วยว่า แก๊ง Tren de Aragua มีส่วนร่วมและยังคงมีส่วนร่วมในการอพยพเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายจำนวนมากเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการทำร้ายพลเมืองสหรัฐฯ

ทรัมป์ได้ใช้ภัยคุกคามจากกลุ่มอาชญากรเป็นประเด็นหลักในสุนทรพจน์หาเสียง ซึ่งเป็นหลักฐานว่าทรัมป์เรียกการก่ออาชญากรรมของผู้อพยพว่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การศึกษามากมายแสดงให้เห็นว่าผู้อพยพไม่ได้ก่ออาชญากรรมในอัตราที่สูงกว่าชาวอเมริกันในท้องถิ่น ซึ่งกลุ่มสนับสนุนการย้ายถิ่นฐานและพรรคเดโมแครตวิจารณ์การตัดสินใจของผู้นำสหรัฐฯ

เลทิเทีย เจมส์ (Letitia James) อัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า การอ้างถึงกฎหมายว่าด้วยบุคคลต่างด้าวที่เป็นศัตรูของรัฐ ซึ่งเป็นอำนาจพิเศษในช่วงสงครามที่มีประวัติน่าละอาย เพื่อกักขังและเนรเทศผู้อพยพโดยพลการ ถือเป็นการเหยียดหยาม อันตราย และอยุติธรรมอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับ วิลเลียม วาสเกซ (William Vasquez) ทนายความด้านการย้ายถิ่นฐานในรัฐนอร์ทแคโรไลนา โพสต์ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ ระบุว่า นี่เป็นครั้งแรกที่มีการใช้กฎหมายนี้กับผู้อพยพจากประเทศที่สหรัฐฯ ไม่ได้ทำสงครามด้วย

ผู้พิพากษาโบสเบิร์กยังได้สั่งระงับไม่ให้รัฐบาลสหรัฐฯ เนรเทศชาวเวเนซูเอลา 5 รายเป็นการชั่วคราว หลังจากกลุ่มไม่แสวงหากำไร 2 กลุ่มฟ้องร้อง โดยระบุว่าการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เนื่องจากเป็นเพียงอำนาจที่บังคับใช้ในช่วงสงคราม และใช้ได้เฉพาะกับการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการทำสงครามเท่านั้น

ศาลได้มีคำสั่งระงับชั่วคราว โดยห้ามรัฐบาลเนรเทศชาวเวเนซูอาลาดังกล่าวออกไปเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งACLU กล่าวว่าชาวเวเนซุเอลากำลังขอสถานะผู้ลี้ภัย และถูกระบุตัวตนผิดพลาดว่าเป็นสมาชิกแก๊ง ด้านทำเนียบขาวไม่ได้ตอบรับคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที แต่เอกสารของศาลแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลได้อุทธรณ์คำสั่งระงับชั่วคราวฉบับแรกของผู้พิพากษา

ทรัมป์ ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน หวนคืนสู่การเป็นผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ในวันที่ 20 ก.พ. 2568 โดยให้คำมั่นว่าจะเนรเทศผู้อพยพหลายล้านคนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย แต่การเนรเทศครั้งแรกของเขานั้นล่าช้ากว่าโจ ไบเดน (Joe Biden) อดีตประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ซึ่งเผชิญกับการอพยพที่ผิดกฎหมายในระดับสูง และเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองจำนวนมากในช่วงไม่นานมานี้อย่างรวดเร็ว

ทรัมป์ได้ดำเนินการต่างๆ เพื่อยกระดับการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมือง โดยส่งทหารเพิ่มเติมไปที่ชายแดนสหรัฐฯ - เม็กซิโก และแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางใหม่เพื่อช่วยติดตามผู้กระทำความผิดฐานตรวจคนเข้าเมือง

แต่รัฐบาลของเขาต้องเผชิญกับการสนับสนุนที่จำกัดของศาลตรวจคนเข้าเมืองสถานที่กักขัง

ขอบคุณเรื่องจาก

https://www.reuters.com/legal/us-judge-blocks-some-deportations-after-lawsuit-cites-fears-wartime-law-2025-03-15/

043...

 

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top