4 พ.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอรายงานพิเศษ Fearful of Trump, some Americans look to make a life in Europe ว่าด้วยการหวนคืนสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสมัยที่ 2 ของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) จากพรรครีพับลิกัน ทำให้ชาวอเมริกันบางส่วนอยากย้ายประเทศ โดยเฉพาะภายหลังจากทรัมป์ออกนโยบายต่างๆ เพื่อยุติแนวทางที่มุ่งส่งเสริมความเท่าทียมทั้งในแง่เชื้อชาติและความหลากหลายทางเพศ
ดังตัวอย่างของ ดอริส เดวิส (Doris Davis) วัย 69 ปี และ ซูซี บาร์ทเล็ทท์ (Susie Bartlett) วัย 52 ปี คู่ชีวิต “หญิงรักหญิง” ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในนิวยอร์ก แต่กำลังมองหาความเป็นไปได้ที่จะย้ายไปใช้ชีวิตบั้นปลายในทวีปยุโรป เบื้องต้นให้ความสนใจประเทศสเปนกับโปรตุเกส ผ่านโครงการวีซ่าสำหรับคนทำงานระยะไกลผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Nomad) หรือวีซ่าของประชากรวัยเกษียณ
“เรารักประเทศนี้ แต่เราไม่ได้รักในสิ่งที่ประเทศนี้กลายเป็น เมื่อตัวตนของคุณถูกโจมตี พวกเขาก็จะรู้สึกโกรธและหงุดหงิด ฉันเสียใจที่ต้องย้ายออกไป แต่สถานการณ์ทางการเมืองและสังคมก็เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เช่นกัน" เดวิส กล่าว
ข้อมูลวีซ่าและสัญชาติของรัฐบาล รวมถึงการสัมภาษณ์บริษัทที่รับเดินเรื่องการขอย้ายถิ่นฐาน 8 แห่ง บ่งชี้ว่าชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นกำลังพิจารณาย้ายไปยุโรปหลังจากการเลือกตั้งของทรัมป์ แม้ว่าตัวเลขจะยังคงค่อนข้างน้อยสำหรับสหรัฐฯ ที่มีประชากรทั้งประเทศ 340 ล้านคน อาทิ การยื่นคำร้องขอหนังสือเดินทางของไอร์แลนด์ในสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2568 โดยจากข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศของไอร์แลนด์ พบว่าการยื่นคำร้องขอเฉลี่ยรายเดือนในเดือน ม.ค. – ก.พ. 2568 อยู่ที่เกือบ 4,300 ราย เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 60 จากปีก่อนหน้า
ขณะที่ในฝรั่งเศส ข้อมูลของรัฐบาลแสดงให้เห็นว่าการยื่นคำร้องขอวีซ่าระยะยาวจากชาวอเมริกันอยู่ที่ 2,383 รายในไตรมาสแรกของปี 2568 เมื่อเทียบกับ 1,980 รายในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยตั้งแต่เดือน ม.ค. – มี.ค. 2568 ทางการฝรั่งเศสได้อนุมัติวีซ่าระยะยาว 2,178 ราย เทียบกับ 1,787 รายในปีก่อนหน้า ด้านประเทศอังกฤษ การขอหนังสือเดินทางในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงล่าสุดที่มีข้อมูลนั้น ถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีการยื่นใบสมัคร 1,708 ราย
บริษัทและเว็บไซต์ที่ให้บริการช่วยเหลือผู้คนในการย้ายถิ่นฐาน ระบุว่า ในช่วงเวลาใดก็ตามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชาวอเมริกันจำนวนมากแสดงความสนใจที่จะย้ายไปต่างประเทศ โดยอ้างถึงประเด็นต่างๆ เช่น ความแตกแยกทางการเมืองและความรุนแรงจากอาวุธปืน โดยที่ปรึกษาด้านการย้ายถิ่นฐานของอิตาลี มาร์โก เปอร์มูเนียน (Marco Permunian) ผู้ก่อตั้งองค์กร Italian Citizenship Assistance กล่าวว่า ย้อนไปในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2563 ซึ่ง โจ ไบเดน (Joe Biden) จากพรรคเดโมแครตเป็นผู้ชนะ ส่งผลให้มีผู้สนใจเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยส่วนใหญ่มาจากชาวอเมริกันที่เป็นฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน
อย่างไรก็ตาม องค์กรและบริษัทด้านนี้เป็นส่วนใหญ่ที่สำนักข่าวรอยเตอร์ได้สอบถาม ยืนยันว่า มีผู้สนใจเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว โดยลูกค้าจำนวนมากแสดงความกังวลเกี่ยวกับทิศทางของนโยบายและปัญหาทางสังคม แม้กระทั่งดาราฮอลลีวูดบางคนออกจากสหรัฐฯ หลังจากทรัมป์ชนะเลือกตั้งในเดือน พ.ย. 2567 รวมถึงพิธีกรรายการทอล์กโชว์อย่างเอลเลน เดอ ดีเจนเนอเรส (Ellen de DeGeneres) และโรซี่ โอดอนเนลล์ (Rosie O'Donnell) ซึ่งดึงดูดความสนใจจากสื่อ
ธีอา ดันแคน (Thea Duncan) ผู้ก่อตั้งธุรกิจย้ายถิ่นฐาน 'Doing Italy' ในเมืองมิลานของอิตาลี เปิดเผยว่า ตนได้รับคำถามเกือบทุกวันนับตั้งแต่การเลือกตั้งจากชาวอเมริกันทั่วไปที่ต้องการข้อมูล โดยผู้คนไม่แน่ใจว่าอะไรจะเกิดอะไรขึ้น ขณะที่ในอังกฤษ สำนักงานกฎหมายด้านการย้ายถิ่นฐาน Immigration Advice Service เปิดเผยว่าได้รับคำถามจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 25 ซึ่ง โอโน โอเกเรกา (Ono Okeregha) ผู้อำนวยการของบริษัทกล่าวว่าลูกค้าหลายรายแสดงความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายใต้การบริหารของทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับสิทธิของคู่รักเพศเดียวกัน เนื่องจากหลายรัฐกำลังพิจารณาลดการคุ้มครองการแต่งงานของพวกเขา
เวนดี้ นิวแมน (Wendy Newman) หญิงวัย 57 ปี อาชีพช่างภาพ ย้ายไปอังกฤษกับสามีตั้งแต่ปี 2565 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความขัดแย้งทางการเมืองที่เพิ่มมากขึ้นในบ้านเกิด เธอกล่าวว่า ตนรู้สึกว่าสิทธิของเธอมีความปลอดภัยมากขึ้นในอังกฤษ และต้องการอยู่ที่นี่อย่างถาวร รวมถึงหวังว่าลูกสาวของเธอซึ่งยังคงอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ แต่กำลังสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในอังกฤษ จะสามารถย้ายไปได้เช่นกัน
คุณแม่รายนี้ มองว่า ชีวิตของลูกสาวเสี่ยงเกินไปบนแผ่นดินสหรัฐฯ โดยพูดถึงความกังวลเรื่องการถูกจำกัดสิทธิในการเจริญพันธุ์ รวมถึงแนวคิดเกลียดชังผู้หญิงโดยทรัมป์ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ปฏิเสธเสมอว่าไม่เป็นความจริงเรื่องที่ตนมีแนวคิดเกลียดชังผู้หญิงและข่าวลือเรื่องพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นเรื่องที่ลือกันมาตั้งแต่ปี 2560 ในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยแรก
Blaxit บริษัทที่ช่วยเหลือชาวอเมริกันผิวดำในการย้ายไปต่างประเทศ มีผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 หลังการเลือกตั้ง ตามการเปิดเผยของ คริสฮาน ไรท์ (Chrishan Wright) ผู้ก่อตั้ง นอกจากนี้ บริษัทยังพบว่ามีสมาชิกแบบชำระเงินเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 คือ Blaxit Global Passport ซึ่งคิดค่าบริการเดือนละ 16.99 เหรียญสหรัฐ (ราว 578 บาท) โดย ไรท์ ซึ่งมีพื้นเพเป็นชาวนิวยอร์ก แต่ย้ายออกจากสหรัฐฯ ไปโปรตุเกสตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน กล่าวว่า การที่ทรัมป์กลับมาที่ทำเนียบขาวทำให้ตนมั่นใจว่าตัดสินใจถูกต้องแล้ว
จากการสำรวจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งของ Edison Research พบว่า ทรัมป์ ได้รับคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผิวดำเพียงร้อยละ 13 ในเดือน พ.ย. 2567 ซึ่งสูงขึ้นกว่าการเลือกตั้งในปี 2563 เพียงร้อยละ 1% ในขณะที่ กมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) คู่แข่งของทรัมป์จากพรรคเดโมแครต ได้รับคะแนนเสียงถึงร้อยละ 86
คู่รักข้ามเพศที่อาศัยอยู่ในรัฐโคโลราโดของสหรัฐฯ ซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อเพราะกลัวจะตกเป็นเป้าหมายรู้สึกผิดหวังเช่นกัน และ พวกเขาหวังว่าจะได้วีซ่านักศึกษาเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในอิตาลี ซึ่งการกลับมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 นั้น ทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯ ยอมรับเพศได้เพียงชายและหญิงเท่านั้น อีกทั้งพยายามจำกัดการดูแลการเปลี่ยนเพศสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 19 ปี และห้ามบุคคลข้ามเพศสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพ
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ถึงกระนั้น การมองว่ายุโรปสมบูรณ์แบบสำหรับเริ่มต้นชีวิตใหม่อาจเป็นเพียงภาพลวงตา เมื่อพรรคการเมืองประชานิยมขวาจัดประสบความสำเร็จทางการเมืองทั่วทั้งทวีป รวมถึงในอิตาลี ซึ่งรัฐบาลอนุรักษ์นิยมแสดงตนเป็นผู้ปกป้องค่านิยมดั้งเดิม โดยนายกรัฐมนตรีหญิงแห่งแดนมะกะโรนี จอร์เจีย มาโลนี (Giorgia Meloni) ซึ่งเข้ารับตำแหน่งในปี 2565 กล่าวว่า ตนจะต่อสู้กับสิ่งที่เรียกว่า "การวิ่งเต้นของพวกเพศที่ 3 (LGBT Lobby)” และปกป้องครอบครัวตามธรรมชาติ
ในเยอรมนี พรรคขวาจัด Alternative for Germany ได้อันดับ 2 ในการเลือกตั้งระดับประเทศเมื่อเดือน ก.พ. 2568 เช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างฝรั่งเศส มารีน เลอ แปง (Marine Le Pen) หัวหน้าพรรคแนวขวาจัด National Rally ก็เคยมีคะแนนนำในการสำรวจความคิดเห็นสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2570 ก่อนที่ในเดือน เม.ย. 2568 จะถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี
ไรท์ จาก Blaxit กล่าวว่า แม้สถานการณ์ทางการเมืองในบางประเทศของยุโรปนั้นน่าวิตก แต่ชาวอเมริกันจำนวนมากยังคงสนใจที่จะเดินทางมายังทวีปนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขณะที่ จูเลียน ฟาลิอู (Julien Faliu) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของชุมชนออนไลน์สำหรับชาวต่างชาติ Expat.com กล่าวว่า การทราบแน่ชัดว่าจะมีผู้คนจำนวนเท่าใดที่จะทำตามความสนใจของพวกเขาเป็นเรื่องยาก แต่คำขอจากชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 26 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ตนได้พูดคุยกับพลเมืองสหรัฐฯ ที่บอกว่า หากทรัมป์ได้รับการเลือกตั้งอีกครั้งก็ย้ายประเทศ และทรัมป์ก็ได้รับการเลือกตั้งอีกครั้ง คำถามคือจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งเมื่อมีการเลือกตั้งก็จะเป็นแบบนั้นเสมอ
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า มีอุปสรรคมากมายสำหรับผู้ที่อยากย้ายถิ่นฐาน อาทิ ข้อมูลจาก Relocate.me ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการย้ายถิ่นฐาน ยกตัวอย่างบางประการ เช่น ความยากลำบากในการหางานในต่างประเทศ ข้อจำกัดในการทำงานทางไกล เงินเดือนที่ต่ำในยุโรป และระบบภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งเก็บจากรายได้จากพลเมืองสหรัฐฯ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลก
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ดำเนินการต่อไป มีทางเลือกด้านวีซ่าหลายทาง วีซ่าสำหรับกลุ่ม Digital Nomad สำหรับพนักงานทางไกลในประเทศต่างๆ เช่น โปรตุเกส สเปน และอิตาลี เป็นที่นิยม นอกจากนั้น วีซ่าเกษียณอายุ ใบอนุญาตทำงาน และวีซ่านักศึกษาก็เป็นที่ต้องการเช่นกัน ตามข้อมูลจากบรรดาบริษัทให้บริการสนับสนุนการย้ายถิ่นฐาน
อีกปัจจัยทางท้าทายสำหรับการย้ายถิ่นของชาวอเมริกันไปยังประเทศในยุโรป นั่นคือการที่ชาวยุโรปบางส่วนกำลังดิ้นรนรับมือกับจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวนมากและวิกฤติราคาที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว ย่อมไม่ยินดีกับแนวโน้มที่ชาวต่างชาติจะมาเยือนมากขึ้น และทางการของประเทศเหล่านั้นก็กำลังจำกัดโครงการที่ก่อให้เกิดข้อโต้แย้งบางโครงการที่เอื้อให้ชาวต่างชาติที่มีฐานะร่ำรวยสามารถขอวีซ่าได้ อาทิ ทางเลือกในการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อรับวีซ่าทองคำนั้นไม่สามารถทำได้อีกต่อไปในโปรตุเกส และโครงการของสเปนก็ยุติลงในเดือน เม.ย. 2568 หลังจากระบบดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำให้เกิดวิกฤติราคาที่อยู่อาศัย
เรเบกา กาบาเยโร (Rebeca Caballero) จากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของสเปน กิลมาร์ กล่าวว่า บริษัทได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวอเมริกันจำนวนมากในช่วง 6 เดือนก่อนที่โครงการจะสิ้นสุดลง และตนก็ได้รับเงินลงทุนจากลูกค้า 3 รายที่ซื้อบ้านด้วยวีซ่าทองคำโดยไม่ได้เจอคนเหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.reuters.com/world/us/fearful-trump-some-americans-look-make-life-europe-2025-05-04/
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี