อินเดียเปิดฉากยิงปากีสถาน ดับ 8 ปมแคชเมียร์ ปากีสถานลั่น “ประกาศสงคราม!”
7 พฤษภาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศมหาอำนาจนิวเคลียร์ในเอเชียใต้ อย่าง อินเดียและปากีสถาน ได้ยกระดับสู่ความรุนแรงอย่างน่ากังวล หลังจากที่อินเดียเปิดฉากยิงขีปนาวุธเข้าใส่หลายเป้าหมายในเขตควบคุมของปากีสถานช่วงเช้าวันนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย รวมถึงเด็ก 1 คน ด้านปากีสถานได้ออกมาประณามเหตุการณ์นี้ว่าเป็น “การประกาศสงคราม” พร้อมประกาศเตรียมตอบโต้กลับอย่างถึงที่สุด
ทั้งนี้ ชนวนความตึงเครียดล่าสุด เริ่มต้นขึ้นจากเหตุการณ์สังหารหมู่เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในเมืองพาฮาลกัม เขตแคชเมียร์ฝั่งอินเดีย โดยกลุ่มติดอาวุธได้บุกยิงนักท่องเที่ยวเสียชีวิตถึง 26 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดูที่เดินทางมาแสวงบุญ ส่งผลให้สถานการณ์ในพื้นที่เริ่มตึงเครียดอย่างรวดเร็ว
อินเดียได้กล่าวหาว่า กลุ่ม The Resistance Front (TRF) ซึ่งมีฐานอยู่ในปากีสถานและมีความเชื่อมโยงกับองค์กรติดอาวุธ Lashkar-e-Taiba เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว ขณะที่ทางการปากีสถานได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมทั้งประณามเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนเช่นกัน
ต่อมา กระทรวงกลาโหมอินเดียได้แถลงถึงปฏิบัติการตอบโต้ครั้งนี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “ปฏิบัติการซินดูร์” (Operation Sindoor) โดยระบุว่า อินเดียได้เลือกโจมตีเฉพาะเป้าหมายของกลุ่มติดอาวุธในเมืองมูริดเก (Muridke) และบาฮาวัลปูร์ (Bahawalpur) ซึ่งอยู่ในแคว้นปัญจาบ และเขตควบคุมของแคชเมียร์ โดยย้ำว่าไม่ได้พุ่งเป้าไปที่กองทัพหรือโครงสร้างพื้นฐานของรัฐปากีสถานแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน นายเชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีของปากีสถานก็ออกมาแสดงจุดยืนอย่างแข็งกร้าว โดยกล่าวหาว่า “อินเดียเป็นศัตรูที่หลอกลวงและขี้ขลาด” พร้อมเรียกประชุมคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติในทันที เพื่อหารือมาตรการตอบโต้ โดยกองทัพปากีสถานอ้างว่าสามารถยิงเครื่องบินรบของอินเดียตกได้ถึง 5 ลำ อีกทั้งยังมีการปิดโรงเรียน โรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยง และประกาศเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินในระดับสูงสุด
นอกจากนี้ โฆษกกองทัพปากีสถานยังเปิดเผยว่า ขีปนาวุธของอินเดียได้ตกในพื้นที่ต่าง ๆ ถึง 6 จุด หนึ่งในนั้นคือ มัสยิดในเมืองบาฮาวัลปูร์ ซึ่งมีเด็กเสียชีวิตและประชาชนได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 40 คน
ด้านชาวบ้านในเมือง มูซัฟฟาราบัด เมืองเอกของแคชเมียร์ฝั่งปากีสถาน เล่าว่าได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นช่วงเช้ามืด พร้อมเห็นเปลวไฟลุกโชนบนท้องฟ้า หลายครอบครัวต้องเร่งอพยพออกจากบ้านเรือน ขณะที่บางพื้นที่เผชิญภาวะไฟฟ้าดับและสัญญาณสื่อสารขัดข้องเป็นวงกว้าง
ในเวลาเดียวกัน บริเวณ*แนวเส้นควบคุม (Line of Control)* ซึ่งเป็นแนวแบ่งเขตพิพาทในแคชเมียร์ ได้เกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายอินเดียกล่าวหาว่าทหารปากีสถานเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อนโดยไม่มีเหตุผล ขณะที่ทางปากีสถานยืนกรานว่าการตอบโต้เป็นไปเพื่อปกป้องพลเรือนในพื้นที่
เพื่อความปลอดภัย รัฐบาลอินเดียได้มีคำสั่ง ปิดสนามบินศรีนาการ์ ซึ่งเป็นสนามบินหลักของแคว้นแคชเมียร์ โดยให้เหตุผลด้านความมั่นคง ขณะที่ประชาชนในฝั่งปากีสถานต่างพากันหลบหนีออกจากเขตเสี่ยงภัย ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดและความหวาดกลัวว่าจะเกิดการโจมตีซ้ำอีก
ในเวทีระหว่างประเทศ นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ออกแถลงการณ์แสดงความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความรุนแรงในครั้งนี้ พร้อมเรียกร้องให้อินเดียและปากีสถาน "หลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงยิ่งขึ้น" และเตือนว่า “โลกไม่สามารถแบกรับความเสี่ยงจากความขัดแย้งระหว่างสองชาตินิวเคลียร์ได้อีกต่อไป”
เหตุการณ์ดังกล่าวยังส่งผลให้ความตึงเครียดทางการทูตระหว่างสองประเทศทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยอินเดียได้ประกาศระงับ สนธิสัญญาน้ำอินดัส (Indus Waters Treaty) ซึ่งเป็นข้อตกลงสำคัญที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960 ว่าด้วยการแบ่งสรรน้ำจากแม่น้ำในแคว้นแคชเมียร์ให้ทั้งสองประเทศใช้งานร่วมกัน ส่วนทางด้านปากีสถานก็ตอบโต้ทันควันด้วยการระงับ ข้อตกลงชิมลา (Shimla Agreement) พร้อมทั้งสั่ง ปิดพรมแดนและน่านฟ้า สำหรับเครื่องบินและการขนส่งจากอินเดียทั้งหมด
ด้านนักวิเคราะห์ความมั่นคงระบุว่า หากไม่มีความพยายามในการเจรจาทางการทูตอย่างเร่งด่วน เหตุการณ์ครั้งนี้อาจลุกลามสู่ สงครามเต็มรูปแบบ ได้ในเวลาอันใกล้ พร้อมเตือนว่า อินเดียและปากีสถานต่างเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางทหารสูง และต่างฝ่ายต่างไม่ต้องการเป็นผู้ยอมถอยก่อน
ขอบคุณข้อมูลจาก : apnews , theguardian
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี