1 มิ.ย. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอรายงานพิเศษ Trump cuts threaten safety training for America’s most dangerous jobs ว่าด้วยนโยบายลดขนาดและต้นทุนของหน่วยงานภาครัฐส่วนกลางของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กำลังทำให้โครงการฝึกอบรมมาตรการด้านความปลอดภัย (Safety Training) ซึ่งภาครัฐเคยสนับสนุนงบประมาณให้กับผู้ประกอบการและผู้ประกอบอาชีพเสี่ยงในสหรัฐฯ เช่น ในภาคเกษตร ป่าไม้และประมง อาจดำเนินการได้น้อยลงหรือแม้แต่ต้องเลิกไปในที่สุด
การตัดลดดังกล่าวตกอยู่กับสถาบันแห่งชาติเพื่อความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของรัฐบาลกลาง (NIOSH) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ (HHS) ซึ่งเป็นผู้ให้ทุนหลักสำหรับการฝึกอบรมและการวิจัยด้านความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน โดยเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2568 รัฐบาลทรัมป์ได้เลิกจ้างเจ้าหน้าที่ NIOSH ประมาณ 875 คนจากทั้งหมดประมาณ 1,000 คน รวมถึงพนักงานส่วนใหญ่ที่ให้คำแนะนำทางเทคนิคและการสนับสนุนแก่ศูนย์ความปลอดภัยและสุขภาพทางการเกษตรจำนวน 12 แห่ง และแม้ว่าในเดือน พ.ค. 2568 จะมีการเรียกเจ้าหน้าที่ NIOSH ราว 300 คนกลับเข้าทำงานอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้รวมสำนักงานที่กำกับดูแลศูนย์เหล่านี้ไว้ด้วย
เจ. เกล็นน์ มอร์ริส (J. Glenn Morris) ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพและความปลอดภัยทางการเกษตรชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้แห่งมหาวิทยาลัยฟลอริดา เปิดเผยว่า ทีมงานของตนได้เริ่มยุติการทำงานแล้ว เพื่อเตรียมการที่จะไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก NIOSH ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. 2568 เป็นต้นไป ซึ่งหมายความว่า ทีมงานที่นี่กำลังยุติการให้ความรู้โดยตรงแก่แรงงาน และยุติการศึกษาวิจัย เช่นเดียวกับ ลีแอนน์ ซีร์ (Leann Cyr) ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมการศึกษาความปลอดภัยทางทะเลแห่งอลาสกา ที่กล่าวว่า งบฯ จาก NIOSH สำหรับการฝึกอบรมความปลอดภัยของชาวประมง อาจหมดลงอย่างเร็วที่สุดในวันที่ 1 ก.ค. 2568
รายงานข่าวยกตัวอย่างผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการฝึกอบรมเหล่านี้ เช่น ร็อบบี้ โรเบิร์จ (Robbie Roberge) ผู้ประกอบการประมงจากเมืองเซาท์พอร์ตแลนด์ รัฐเมน เจ้าของเรือประมง Three Girls ซึ่งเมื่อเดือน ส.ค. 2567 เรือลำนี้เคยเกิดเหตุไฟไหม้ในห้องครัว ในขณะที่เปลวไฟลุกลามขึ้นไปบนผนังเรือ เขาช่วยลูกเรือสวมเสื้อชูชีพ นำแพชูชีพออกมา และส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือเพื่อแจ้งให้เรือที่อยู่ใกล้เคียงและหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ทราบว่าเขาและลูกเรือจะสละเรือซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งมากกว่า 100 ไมล์
โรเบิร์จ เล่าว่า ตนเพิ่งได้เรียนรู้วิธีการจัดการกับเหตุฉุกเฉินดังกล่าวเพียง 3 เดือนก่อนหน้านั้นจากการฝึกอบรมที่จัดโดย Fishing Partnership Support Services (FPSS) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ได้ฝึกอบรมชาวประมงชายฝั่งตะวันออกหลายพันคนเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัย และเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2568 ตนได้พักการออกเรือจับสัตว์น้ำ เพื่อพาลูกเรือ 6 คน จากเรือ Maria JoAnn ซึ่งเป็นเรื่องอีกลำที่ยังใช้งานอยู่ ไปเข้ารับการฝึกอบรมกับทาง FPSS ที่เมืองนิวเบอรีพอร์ต รัฐแมสซาชูเซตส์
แดน ออร์ชาร์ด (Dan Orchard) รองประธานบริหารของ FPSS กล่าวว่า องค์กรของตนกำลังจะสูญเสียงบฯ จาก NIOSH ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2568 เป็นต้นไป ทำให้อาจต้องลดการจัดฝึกอบรมลง ขณะที่ จอห์น โรเบิร์ตส์ (John Roberts) ครูฝึกของ FPSS ซึ่งมีประสบการณ์ทำงาน 31 ปี ในแผนกค้นหาและกู้ภัยของหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ แสดงความกังวลว่า เมื่อไม่มีการฝึกอบรมดังกล่าว อาจเพิ่มภาระให้กับหน่วยกู้ภัยทางทะเลของรัฐบาลกลางเมื่อชาวประมงเผชิญกับเหตุฉุกเฉินในทะเล ซึ่งการใช้งบฯ เพื่อทำให้มีผู้ได้รับการฝึกอบรมเพิ่มขึ้น อีกด้านหนึ่งก็คือการลดงบฯ ที่ต้องใช้ไปกับการช่วยเหลือผู้ที่ไม่ได้เข้ารับการฝึกอบรม
เมื่อถูกขอให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลิกจ้างเจ้าหน้าที่ของ NIOSH โฆษกของ HHS กล่าวว่า งานจะดำเนินต่อไป ซึ่ง HHS สนับสนุนเกษตรกร ชาวประมง และคนงานตัดไม้ของสหรัฐฯ ขณะที่เมื่อเดือน มี.ค. 2568 โรเบิร์ต เอฟ.เคนเนดี จูเนียร์ (Robert F. Kennedy Jr.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ กล่าวว่า การลดจำนวนเจ้าหน้าที่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อลดขั้นตอนและเพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐ และ NIOSH จะถูกรวมเข้ากับหน่วยงานย่อยอื่นๆ เพื่อจัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นเพื่ออเมริกาที่มีสุขภาพดี
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า แม้แรงงานในภาคเกษตร ประมงและป่าไม้ ทั่วประเทศจะมีเพียง 442,000 คน ซึ่งคิดเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของคนที่มีงานทำทั้งหมดในสหรัฐฯ แต่ตามข้อมูลในปี 2566 โดยสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) คนงานเหล่านี้มีอัตราการเสียชีวิตจากการบาดเจ็บจากการทำงานสูงสุดในสหรัฐฯ ในอัตราส่วน 24.4 คนต่อแรงงาน 100,000 คน หรือ 7 เท่าของค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ คนงานเหล่านี้ทำหน้าที่อันตรายในพื้นที่ชนบทซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะได้รับการดูแลทางการแพทย์ โดยชาวประมงเสี่ยงต่อการจมน้ำ เกษตรกรและคนงานในฟาร์มปศุสัตว์อาจถูกอุปกรณ์ทับหรือติดไข้หวัดนก ส่วนคนตัดไม้ต้องเผชิญอันตรายจากเลื่อยไฟฟ้าและกิ่งไม้หักโค่น
ข้อมูลจาก BLS แสดงให้เห็นว่าอัตราการเสียชีวิตลดลงในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความก้าวหน้าด้านการใช้เครื่องจักรและกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของรัฐบาลกลางที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ขณะที่ แมตต์ คีเฟอร์ (Matt Keifer) ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านความปลอดภัยในการทำงานที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน กล่าวเสริมว่า การวิจัยด้านความปลอดภัยและการฝึกอบรมที่ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ต่างๆ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยปรับปรุงผลลัพธ์ได้เช่นกัน
จูลี โซเรนเซน (Julie Sorensen) ผู้อำนวยการศูนย์อาชีวอนามัยและความปลอดภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือในคูเปอร์สทาวน์ รัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา ศูนย์แห่งนี้ได้ฝึกอบรมแรงงานมากกว่า 5,600 คน ขณะที่ ที. เรนี แอนโธนี (T. Renee Anthony) ผู้อำนวยการของ Great Plains Center for Agricultural Health มหาวิทยาลัยไอโอวา กล่าวว่า ที่นี่ได้จัดฝึกอบรมผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพในชนบทเกี่ยวกับความเสี่ยงที่แรงงานในภาคเกษตรอาจเผชิญ เช่น การสูญเสียการได้ยินจากการสัมผัสกับเสียงดัง
ดานา โดแรน (Dana Doran) ผู้อำนวยการบริหาร Professional Logging Contractors of the Northeast (PLC) องค์กรในรัฐเมน ซึ่งจัดการฝึกอบรมประจำปี 11 ครั้งเกี่ยวกับอุปกรณ์และความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน ระบุว่า ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมบางกลุ่มเสนอการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยโดยไม่ได้รับงบฯ สนับสนุนจากรัฐบาลกลาง
นอกจากนั้น ยังมีความพยายามอยู่หลายปีกว่าจะโน้มน้าวให้แรงงานในอุตสาหกรรมป่าไม้ให้เห็นถึงความสำคัญของการวิจัยด้านสาธารณสุข ซึ่ง โดแรน กล่าวว่า สร้างความไว้วางใจนั้นร่วมกัน และความไว้วางใจนั้นก็อาจจะสูญหายไป โดย เอริกา สก็อต (Erika Scott) รองผู้อำนวยการของ Northeast Center ได้จัดตั้งคลินิกสุขภาพเคลื่อนที่ในไซต์ตัดไม้ร่วมกับ PLC เพื่อศึกษาอัตราความดันโลหิตสูงที่สูงในหมู่แรงงานตัดไม้ 3,000 คนภายในรัฐเมน
อนึ่ง นอกเหนือจากความเสี่ยงในสถานที่ทำงานแล้ว ศูนย์และโปรแกรมที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก NIOSH ยังให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพจิต การใช้ยาเสพติด และโรคที่เกี่ยวข้องกับอาหารด้วย ตัวอย่างเช่น ในภาคประมง การติดยาที่สกัดจากฝิ่นเป็นปัญหาที่น่ากังวลมากจนต้องมีการสอนให้ชาวประมงในการฝึกอบรมของ FPSS รู้จักการใช้ยา Narcan ซึ่งเป็นยาต้านหากได้รับยาที่สกัดจากฝิ่นเกินขนาด
รายงานข่าวทิ้งท้ายว่า ในการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยของ FPSS กัปตันและลูกเรือประมงมากกว่า 50 คนได้เรียนรู้วิธีดับเพลิง ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ อุดรอยรั่ว และสวมเสื้อชูชีพ ผู้เข้าร่วมต่างแสดงความยินดีต่อความพยายามของกันและกันในการจุดพลุสัญญาณและใช้เครื่องสูบน้ำ และเล่าเรื่องราวที่เกือบเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงบนดาดฟ้าที่ลื่นหรือบนเรือที่กำลังจม
อัล ค็อตตัน (Al Cottone) ชาวประมงรุ่นที่ 4 ในเมืองกลอสเตอร์ รัฐแมสซาชูเซตส์ หนึ่งในทีมครูฝึกของ FPSS กล่าวว่า การตัดงบประมาณการฝึกอบรมถือเป็นเรื่องน่าเศร้า ตลอด 10 ปีที่ตนเข้ามาช่วยงาน FPSS จำนวนผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 20 เป็น 25 และ 40 คน ตามลำดับ แต่หลังจากนี้คงจะมีคนจำนวนมากที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เพราะหลักสูตรแบบเดียวกันหากไปฝึกกับศูนย์ของเอกชนจะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก
ขอบคุณเรื่องจาก
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี